มีโองการกุรอานและฮะดีษมากมายกล่าวถึงความสำคัญของประวัติศาสตร์และการครุ่นคิดถึงความเป็นไปของคนรุ่นก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อให้สามารถเก็บเกี่ยวบทเรียนจากแนวประสบการณ์ของบุคคลในอดีตมาปรับประยุกต์ใช้ได้ในอนาคต จุดประสงค์ดังกล่าวปรากฏเด่นชัดในสำนวนฮะดีษจากท่านอิมามอลี(อ.) ด้วยเหตุนี้เราจึงขอนำเสนอฮะดีษจากท่าน ณ ที่นี้
อิมามอลี(อ.)ได้กล่าวไว้ในสาส์นที่มีถึงท่านอิมามฮะซันเกี่ยวกับความสำคัญของประวัติศาสตร์ว่า “ลูกพ่อ แม้ว่าพ่อจะมิได้มีอายุขัยเท่ากับอายุขัยของบรรพชนรวมกัน แต่เมื่อพ่อได้ไคร่ครวญถึงพฤติกรรมและข่าวคราวของบรรพชน และได้ท่องไปในความเป็นมาของพวกเขาทำให้พ่อรู้สึกราวกับว่าได้อยู่ในยุคของพวกเขา หรืออาจจะกล่าวได้ว่าการศึกษาประสบการณ์ของบรรพชนทำให้พ่อเสมือนมีชีวิตอยู่ตั้งแต่มนุษย์คนแรกจนถึงคนสุดท้าย”
สอง. ท่านกล่าวไว้อีกเช่นกันว่า “จงพิสูจน์สิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว จงใช้ผลการศึกษาเรื่องราวในอดีตในการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ทั้งนี้ก็เพราะปรากฏการณ์ในโลกคล้ายคลึงกัน จงอย่าเอาเยี่ยงอย่างผู้ที่ไม่รับฟังคำแนะนำจนกระทั่งประสบความยากลำบาก เพราะมนุษย์ผู้มีปัญญาจะต้องได้รับอุทาหรณ์ด้วยการครุ่นคิด มิไช่สัตว์สี่เท้าที่จะต้องเฆี่ยนตีเสียก่อนจึงจะเชื่อฟัง”
มีโองการกุรอานและฮะดีษมากมายกล่าวถึงความสำคัญของประวัติศาสตร์และการครุ่นคิดถึงความเป็นไปของคนรุ่นก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อให้สามารถเก็บเกี่ยวบทเรียนจากแนวประสบการณ์ของบุคคลในอดีตมาปรับประยุกต์ใช้ได้ในอนาคต จุดประสงค์ดังกล่าวปรากฏเด่นชัดในสำนวนฮะดีษจากท่านอิมามอลี(อ.) ด้วยเหตุนี้เราจึงขอนำเสนอฮะดีษจากท่าน ณ ที่นี้
1. อิมามอลี(อ.)ได้กล่าวไว้ในสาส์นที่มีถึงท่านอิมามฮะซันเกี่ยวกับความสำคัญของประวัติศาสตร์ว่า
أَيْ بُنَيَّ إِنِّي وَ إِنْ لَمْ أَكُنْ عُمِّرْتُ عُمُرَ مَنْ كَانَ قَبْلِي فَقَدْ نَظَرْتُ فِي أَعْمَالِهِمْ وَ فَكَّرْتُ فِي أَخْبَارِهِمْ وَ سِرْتُ فِي آثَارِهِمْ حَتَّى عُدْتُ كَأَحَدِهِمْ بَلْ كَأَنِّي بِمَا انْتَهَى إِلَيَّ مِنْ أُمُورِهِمْ قَدْ عُمِّرْتُ مَعَ أَوَّلِهِمْ إِلَى آخِرِهِم
“ลูกพ่อ แม้ว่าพ่อจะมิได้มีอายุขัยเท่ากับอายุขัยของบรรพชนรวมกัน แต่เมื่อพ่อได้ไคร่ครวญถึงพฤติกรรมและข่าวคราวของบรรพชน และได้ท่องไปในความเป็นมาของพวกเขาทำให้พ่อรู้สึกราวกับว่าได้อยู่ในยุคของพวกเขา หรืออาจจะกล่าวได้ว่าการศึกษาประสบการณ์ของบรรพชนทำให้พ่อเสมือนมีชีวิตอยู่ตั้งแต่มนุษย์คนแรกจวบจนคนสุดท้าย”[1]
2. من لم يعتبر بغيره لم يستظهر لنفسه “ผู้ใดที่ไม่เรียนรู้อุทาหรณ์ของผู้อื่น ย่อมไม่มีที่พักพิงในชีวิต”
3. من لم يعتبر بتصاريف الأيام لم ينزجر بالملام “ผู้ใดที่ไม่เก็บเกี่ยวอุทาหรณ์จากวันเวลาที่ผันแปร ก็ไม่ควรเคืองผู้อื่นหากถูกตำหนิ”
4. من لم يتعظ بالناس وعظ الله بالناس به ”ผู้ใดไม่ยอมเรียนรู้บทเรียนของผู้คน อัลลอฮ์จะให้ผู้คนสั่งสอนเขา”
5. من لم يعتبر بغير [بعبر] الدنيا و صروفها لم تنجع فيه المواعظ “ผู้ใดไม่ยอมศึกษาบทเรียนจากวันเวลา คำแนะนำใดๆก็ไม่มีค่าสำหรับเขา”
6. لا فكر لمن لا اعتبار له “ปัญญาก็จะไม่เกิดแก่ผู้ที่ไม่ยอมเรียนรู้อุทาหรณ์”[2]
7. وَ مَنِ اعْتَبَرَ أَبْصَرَ وَ مَنْ أَبْصَرَ فَهِمَ وَ مَنْ فَهِمَ عَلِم “ผู้ที่เก็บเกี่ยวบทเรียนจากบรรพชนจะบังเกิดวิสัยทัศน์ ผู้ที่มีวิสัยทัศน์จะเข้าใจแจ่มแจ้ง ผู้ที่เข้าใจแจ่มแจ้งจะเป็นผู้รู้”[3]
8. استدلّ على ما لم يكن بما قد كان، فإنّ الأمور أشباه، و لا تكوننّ ممّن لا تنفعه العظة إلّا إذا بالغت في إيلامه، فإنّ العاقل يتّعظ بالآداب، و البهائم لا تتّعظ إلّا بالضّرب. اطرح عنك و اردات الهموم بعزائم الصّبر و حسن اليقين
ท่านอิมามอลี(อ.)กล่าวแก่อิมามฮะซัน(อ.)บุตรชายว่า “จงพิสูจน์สิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว จงใช้ผลการศึกษาเรื่องราวในอดีตในการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ทั้งนี้ก็เพราะปรากฏการณ์ในโลกคล้ายคลึงกัน จงอย่าเอาเยี่ยงอย่างผู้ที่ไม่รับฟังคำแนะนำจนกระทั่งประสบความยากลำบาก เพราะมนุษย์ผู้มีปัญญาจะต้องได้รับอุทาหรณ์ด้วยการครุ่นคิด มิไช่สัตว์สี่เท้าที่จะต้องเฆี่ยนตีเสียก่อนจึงจะเชื่อฟัง”[4]
[1] นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์,สาส์นที่ 31,คำแปลและอธิบายสังเขปนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์,เล่ม 3,หน้า59
[2] ตะมีมี อามิดี,อับดุลวาฮิด, ฆุเราะรุลฮิกัมวะดุเราะรุ้ลกะลาม,หน้า 473,สำนักงานเผยแพร่อิสลาม,กุม,พิมพ์ครั้งแรก,ปี1366
[3] นะฮ์ญุ้ลบะลาเฆาะฮ์,สาส์นที่ 208
[4] นะฮ์ญุ้ลบะลาเฆาะฮ์,สาส์นที่ 467