การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
7204
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/10/18
 
รหัสในเว็บไซต์ fa1315 รหัสสำเนา 17662
คำถามอย่างย่อ
ระหว่างการกระทำกับผลบุญที่พระองค์จะทรงตอบแทนนั้น มีความสอดคล้องกันหรือไม่?
คำถาม
ได้ยินว่านมาซหรือดุอาบางประเภทมีผลบุญเทียบเท่าการเป็นชะฮีดก็ดี การทำฮัจย์ก็ดี หรือการปล่อยทาสก็ดี เหล่านี้สอดคล้องกับความยุติธรรมของพระองค์หรือไม่? และได้คำนึงถึงความสอดคล้องระหว่างการกระทำกับผลบุญบ้างหรือเปล่า?
คำตอบโดยสังเขป

การสัญญาว่าจะมอบผลบุญให้อย่างที่กล่าวมา มิได้ขัดต่อความยุติธรรมหรือหลักดุลยภาพระหว่างการกระทำกับผลบุญแต่อย่างใด เพราะหากจะนิยามความยุติธรรมว่าคือ"การวางทุกสิ่งในสถานะอันเหมาะสม"ซึ่งในที่นี้ก็คือการวางผลบุญบนการกระทำที่เหมาะสม ก็ต้องเรียนว่ามีความเหมาะสมเป็นอย่างดี เนื่องจาก
. จุดประสงค์ของฮะดีษที่อธิบายผลบุญเหล่านี้คือการเน้นย้ำถึงความสำคัญของอิบาดะฮ์ที่กล่าวถึง มิได้ต้องการจะดึงฮัจย์หรือญิฮาดลงต่ำแต่อย่างใด ซ้ำยังถือว่าฮะดีษประเภทนี้กำลังยกย่องการทำฮัจย์หรือญิฮาดทางอ้อมได้อีกด้วย เนื่องจากยกให้เป็นมาตรวัดอิบาดะฮ์ประเภทอื่นๆ ดังที่เรามักเปรียบเปรยสิ่งมีค่ากับทองคำ
. ฮะดีษเหล่านี้มิได้หมายรวมถึงภาวะที่ฮัจย์ หรือญิฮาด ฯลฯ เป็นวาญิบ
. ในการวัดความสำคัญ ไม่ควรใช้ปริมาณ หรือความยากง่ายในเชิงกายภาพเป็นมาตรฐานเสมอไป แต่ต้องคำนึงว่าเจตนา ระดับความนอบน้อม ขีดศรัทธาและความเชื่อ ล้วนมีผลต่อระดับผลบุญมากกว่าปัจจัยข้างต้นเสียอีก ฉะนั้น หากอิบาดะฮ์ใดมีคุณลักษณะเด่นดังกล่าวก็ย่อมสามารถนำมาเทียบผลบุญของพิธีฮัจย์หรือการเป็นชะฮีดได้
นอกจากนี้ยังต้องคำนึงว่าดุอาหรือบทซิยารัตต่างๆนั้น อุดมไปด้วยสารธรรมคำสอนทางศาสนาซึ่งย่อมมีผลต่อความศรัทธาของผู้อ่าน จึงอาจมีคุณค่ามากกว่าการกระทำอื่นๆที่มิได้มีลักษณะเฉพาะดังกล่าว
โดยทั่วไปแล้วในยามสงบไร้ศึกสงคราม หรือนอกเทศกาลฮัจย์ คนเรามักจะประสบกับอารมณ์ไฝ่ต่ำและการลวงล่อของชัยฏอนบ่อยเป็นพิเศษ และเนื่องจากมนุษย์มักจะโน้มเอียงไปตามกิเลส ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่เลือกที่จะชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ด้วยนมาซ บทดุอา หรือบทซิยารัต แทนการบำเรอกิเลสตัณหา บุคคลผู้นี้ย่อมต้องเพ่งจิตสำนึกอันบริสุทธิ์อย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งอาจมีผลบุญมากกว่าคนทั่วไปที่ประกอบพิธีฮัจย์หรือต่อสู้ญิฮาดเสียด้วยซ้ำ

แต่หากจะนิยามความยุติธรรมว่าคือการไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ต้องเรียนว่าในประเด็นนี้ไม่มีการละเมิดสิทธิผู้ใด เพราะแม้สมมุติว่าอัลลอฮ์ประทานผลบุญมากเกินไป นั่นก็ยังไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิของมนุษย์คนใดอยู่ดี เนื่องจากการประทานผลบุญถือเป็นเมตตาธรรมของพระองค์ หาไช่สิทธิของบ่าวแต่อย่างใด

คำตอบเชิงรายละเอียด

เมื่อคำนึงถึงปัจจัยต่อไปนี้ก็จะทราบว่าผลบุญสอดคล้องกับการกระทำทุกประการ
1. ผลบุญจากอัลลอฮ์หาไช่เป็นสิทธิของบ่าวที่ต้องได้รับ แต่เป็นเมตตาธรรมที่พระองค์ประทานตามความเหมาะสมในแง่พฤติกรรมและศักยภาพที่มนุษย์มีในโลกดุนยา[1]
โดยปกติแล้ว มนุษย์ไม่มีสิทธิเรียกร้องผลบุญใดๆจากอัลลอฮ์(หากพระองค์ไม่ได้สัญญา) ทั้งนี้ก็เพราะทุกความดีที่มนุษย์ทำ ล้วนกระทำด้วยศักยภาพที่พระองค์ประทานให้ทั้งสิ้น แต่พระองค์เลือกที่จะสัญญาว่าจะประทานผลบุญแก่มนุษย์ก็เพราะทรงมีเมตตาธรรมและวิทยปัญญา ฉะนั้น เมตตาธรรมอันล้นพ้นของพระองค์ก็คือมาตรวัดพิกัดผลบุญสำหรับทุกความดีที่มนุษย์กระทำ หาไช่ความยากลำบาก หรือระยะเวลา หรือตัวแปรอื่นๆไม่ ด้วยเหตุนี้ ปริมาณเนี้ยะมัตและผลบุญต่างๆที่พระองค์จะทรงประทานให้ จึงมิได้ขัดต่อหลักความยุติธรรมของพระองค์แต่อย่างใด เนื่องจากพระองค์มิได้ละเมิดสิทธิของผู้ใด ซ้ำยังเป็นการประทานที่เกินสิทธิของมนุษย์อีกด้วย

2. การที่ดุอาหรือการซิยารัตจะมีผลบุญมากมายมหาศาลได้นั้น ต้องมีปัจจัยต่อไปนี้อย่างครบถ้วนเสียก่อน
. ปฏิบัติหน้าที่ทางศาสนาครบถ้วนเสียก่อน: ฉะนั้น ผู้ที่มีหน้าที่ต้องประกอบพิธีฮัจย์หรือต่อสู้ญิฮาดแต่กลับเลือกทำนมาซหรือดุอาแทนนั้น แทนที่จะได้รับผลบุญ เขากลับจะต้อง
ประสบกับการลงทัณฑ์อะซาบของพระองค์อีกด้วย
. มีสำนึกทางศาสนาและความบริสุทธิใจอย่างเต็มเปี่ยม: ดังที่มีฮะดีษมากมายระบุว่าเงื่อนไขของการได้รับผลบุญมหาศาลของซิยารัตบางบทคือการมีสำนึกทางศาสนา[2] ท่านอิมามศอดิก(.)กล่าวว่า"มนุษย์จะฟื้นคืนชีพตามแต่เจตนาของแต่ละคน"[3] จากจุดนี้ทำให้ทราบว่าบรรทัดฐานของการตอบแทนผลบุญมิไช่ความยากง่ายของอิบาดะฮ์ แต่เป็น"เหนียต"หรือเจตนาเท่านั้นที่จะมีผลต่อผลบุญมากกว่าความยากง่ายและปริมาณของอิบาดะฮ์แต่ละประเภท

การเพ่งจิตสำนึกอันบริสุทธิ์ทางศาสนานั้น ยากลำบากไม่แพ้การต่อสู้ญิฮาด หรืออาจจะยากกว่าด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้เองที่เราเห็นผู้คนมากมายเข้าร่วมต่อสู้ญิฮาดหรือร่วมประกอบพิธีฮัจย์ แต่น้อยคนนักที่จะพิชิตยอดเขาแห่งจิตสำนึกอันผ่องแผ้วทางศาสนาได้ มีฮะดีษหลายบทที่รณรงค์ให้สาวกของท่านซิยารัตบรรดาอิมาม โดยเฉพาะอิมามริฎอ(.)[4] ซึ่งเนื้อหาของฮะดีษเหล่านี้บอกแก่เราว่าการซิยารัตมีผลบุญสองประเภทโดยขึ้นอยู่กับลักษณะของการซิยารัต จึงเข้าใจได้ว่าผลบุญการซิยารัตของแต่ละคนมิได้เท่ากันเสมอไป ผลบุญที่ฮะดีษระบุไว้จึงเป็นการระบุถึงพิกัดสูงสุดของผลบุญ แต่มิได้หมายความว่าทุกคนจะได้รับแม้จะมีสภาพจิตใจที่แตกต่างกัน

3. บทดุอาและซิยารัตมากมายมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่สารธรรมคำสอนของอิสลาม: บรรดาอิมาม(.)เองก็ใช้ดุอาและซิยารัตในการนำเสนอหลักธรรมแก่สังคมเนื่องจากบางสถานการณ์ไม่อาจใช้วิธีอื่นได้ ฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่า การพิทักษ์รักษาดุอาและซิยารัตเหล่านี้ก็ถือเป็นการพิทักษ์รักษาหลักญิฮาด พิธีฮัจย์ ตลอดจนชะรีอัตและคำสอนอิสลามโดยรวม และหลักธรรม(ในดุอา)เหล่านี้แหล่ะ ที่ช่วยรณรงค์ให้ผู้คนเดินทางไปทำฮัจย์หรือต่อสู้ญิฮาด

4. โดยทั่วไปแล้วในยามสงบไร้ศึกสงคราม หรือนอกเทศกาลฮัจย์ คนเรามักจะประสบกับการลวงล่อของอารมณ์ไฝ่ต่ำและชัยฏอนบ่อยเป็นพิเศษ และเนื่องจากมนุษย์มักจะโน้มเอียงไปตามกิเลส ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่เลือกที่จะชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ด้วยนมาซ บทดุอา หรือบทซิยารัต แทนการบำเรอกิเลสตัณหา บุคคลผู้นี้ย่อมต้องมีจิตสำนึกอันบริสุทธิ์อย่างเต็มเปี่ยม ดังที่ท่านนบี(..)กล่าวแก่เหล่าสาวกที่กลับจากสมรภูมิรบอันดุเดือดว่า"ขอชมเชยผู้ที่กลับจากญิฮาดเล็ก ซึ่งกำลังมุ่งหน้าสู่ญิฮาดใหญ่" เหล่าสาวกเอ่ยถามว่าญิฮาดใหญ่คืออะไร ท่านตอบว่า"การญิฮาดกับกิเลสตนเอง"[5]
เป็นไปได้ว่าสาเหตุที่บรรดาอิมาม(.)เล่าถึงผลบุญมหาศาลของดุอา ซิยารัต หรือนมาซบางประเภทนั้น ก็เพื่อต้องการจะฟื้นฟูศีลธรรมภาคสังคมให้พ้นจากบ่วงกิเลสที่ทำให้มนุษย์เกลือกกลั้วในความต่ำทรามทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และเพื่อส่งเสริมมนุษย์ให้โบยบินในท้องฟ้าแห่งศีลธรรมจรรยา

อย่างไรก็ดี ฮะดีษที่ระบุผลบุญเหล่านี้มีจุดประสงค์ที่จะให้ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของอิบาดะฮ์บางประเภทเป็นพิเศษ หาได้มีจุดประสงค์จะลดทอนคุณค่าของญิฮาดหรือพิธีฮัจย์แต่อย่างใด ซ้ำยังสามารถกล่าวได้ว่าฮะดีษเหล่านี้กำลังส่งเสริมญิฮาดหรือพิธีฮัจย์ทางอ้อมอีกด้วย เนื่องจากได้ใช้ญิฮาดหรือฮัจย์เป็นมาตรวัดคุณค่าของอิบาดะฮ์ประเภทอื่นๆ เสมือนที่เรามักจะเปรียบสิ่งมีค่ากับทองคำบริสุทธิ์



[1] ดู: ตัฟซี้รเนมูเนะฮ์,เล่ม 23,หน้า361

[2] มันลายะห์ฎุรุฮุ้ลฟะกี้ฮ์,เล่ม 2,หน้า 583

[3] ตะฮ์ซีบุ้ลอะห์กาม,เล่ม 6,หน้า 135

[4] อัลกาฟีย์,เล่ม 4,หน้า 585

[5] วะซาอิลุชชีอะฮ์,เล่ม 15,หน้า 161

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • ความต่างกิจกรรมของวิญญาณขณะนอนหลับ และสลบคืออะไร?
    16383 ปรัชญาอิสลาม 2555/09/29
    รูปแบบการปฏิสัมพันธ์ระหว่างร่างกายกับจิตวิญญาณขณะตื่นนอน กับการปฏิสัมพันธ์ขณะนอนหลับนั้นมีความแตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้ ตามคำสอนของอิสลามจึงได้เรียกการนอนหลับว่า เป็นพี่น้องของความตาย วิทยาศาสตร์แม้ว่าจะไม่มีข้อมูลการปฏิสัมพันธ์ระหว่างจิตวิญญาณกับร่างกายขณะนอนหลับ แต่สามารถค้นพบการเปลี่ยนแปลงและปฏิกิริยาบางอย่างทางร่างกายขณะนอนหลับได้ บนพื้นฐานของการค้นคว้านั้นและการทำสอบพบว่ามนุษย์มีการนอนหลับในสองระดับ ด้วยนามว่า REM และ Non REM ซึ่งทั้งสองมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยปกติแล้วการความฝันที่มักเกิดในระดับของ Non REM เกิดจากการหลับลึกซึ่งจะไม่อยู่ในความทรงจำ แต่เฉพาะการนอนหลับในระ REM เท่านั้นที่จะคงอยู่ในความทรงจำ ส่วนการสลบหมดสติเกิดจากการเบี่ยงเบนของวิญญาณ และเป็นการหลับที่ลุ่มลึกมาก ทำให้เขาไม่มีความทรงจำอันใดหลงเหลืออยู่ ...
  • ตักวาหมายถึงอะไร?
    17805 จริยธรรมทฤษฎี 2555/01/23
    ตักว่าคือพลังหนึ่งที่หยุดยั้งจิตด้านในซึ่งการมีอยู่ของมนุษย์คือสาเหตุของการมีพลังนั้นและพลังดังกล่าวจะพิทักษ์ปกป้องมนุษย์ให้รอดพ้นจากการกระทำความผิดฝ่าฝืนต่างๆความสมบูรณ์ของตักวานอกจากจะช่วยทำให้มนุษย์ห่างไกลจากความผิดบาปและการก่ออาชญากรรมต่างๆ
  • เหตุใดจึงเรียกอิมามฮุเซนว่าษารุลลอฮ์?
    7333 จริยธรรมทฤษฎี 2554/12/11
    ษารุลลอฮ์ให้ความหมายว่าการชำระหนี้เลือดแต่ก็สามารถแปลว่าเลือดได้เช่นกันตามความหมายแรกอิมามฮุเซนได้รับฉายานามนี้เนื่องจากอัลลอฮ์จะเป็นผู้ทวงหนี้เลือดให้ท่านแต่หากษารุลลอฮ์แปลว่า"โลหิตพระเจ้า" การที่อิมามได้รับฉายานามดังกล่าวเป็นไปตามข้อชี้แจงต่อไปนี้:1. "ษ้าร"เชื่อมกับ"อัลลอฮ์"เพื่อให้ทราบว่าเป็นโลหิตอันสูงส่งเนื่องจากเป็นการเชื่อมคำในเชิงยกย่อง2.มนุษย์ที่บรรลุสู่ความสมบูรณ์ในระดับใกล้ชิดทางภาคบังคับต่างก็เป็นหัตถาพระเจ้าชิวหาพระเจ้าและโลหิตพระเจ้าหมายถึงถ้าหากพระองค์ทรงประสงค์จะทำสิ่งใดมนุษย์ผู้นี้จะเป็นดั่งพระหัตถ์หากทรงประสงค์จะตรัสเขาจะเป็นดั่งชิวหาและหากพระองค์ทรงประสงค์จะพิทักษ์ศาสนาของพระองค์ด้วยโลหิตเขาจะเป็นดั่งโลหิตพระองค์อิมามฮุเซน(อ.)เป็นดั่งโลหิตพระองค์เนื่องจากโลหิตของท่านช่วยชุบชีวิตแก่ศาสนาของพระองค์เราเชื่อว่าความหมายแรกเป็นความหมายที่เหมาะสมกว่าแต่ความหมายที่สองก็เป็นคำธิบายที่น่าสนใจเช่นกันโดยเฉพาะหากเป็นผู้ที่อยู่ในแวดวงจาริกทางจิตอาจทำให้เข้าใจได้ลึกซึ้งกว่า ...
  • อัลลอฮฺคือสาเหตุที่แท้จริงของการอธรรม และผู้อธรรมหรือ?
    11254 เทววิทยาดั้งเดิม 2555/09/29
    สำหรับคำตอบคำถามเหล่านี้ จำเป็นต้องพิจารณาประเด็นสำคัญเหล่านี้ก่อน 1.รากที่มาของการอธรรมของผู้อธรรมทั้งหลาย สามารถสรุปได้ใน 4 ประเด็นดังนี้คือ 1.ความโง่เขลา 2. การเลือกสรร 3. ความประพฤติอันเลวทราม 4. ความอ่อนแอไร้สามารถ, แต่อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ไม่ความอธรรมใดๆ ในพระองค์ ด้วยเหตุนี้ สำหรับพระองค์แล้วคือ ผู้ยุติธรรม ซึ่งเป็นหน่วยเนื้อเดียวกันกับความยุติธรรม และเนื่องจากพระองค์ทรงรอบรู้ และทรงยุติธรรม ภารกิจของพระองค์จึงวางอยู่บนความยุติธรรม และวิทยปัญญาเท่านั้น 2.อัลลอฮฺ ทรงสร้างมนุษย์มาในลักษณะเดียวกัน และได้ประทานแนวทางแห่งการชี้นำทางแก่พวกเขา และทั้งหมดมีสิทธิที่จะเลือกสรรด้วยตนเอง ซึ่งมีบางกลุ่มด้วยเหตุผลนานัปการ หรือมีปัจจัยหลายอย่างเป็นแรงจูงใจให้พวกเขาเลือกหนทางหลงผิด และการอธรรม บางกลุ่มพยายามต่อสู้ชนิดขุดรากถอนโคนการอธรรม ที่แฝงเร้นอยู่ในใจของตนเอง พวกเขามุ่งไปสู่หนทางแห่งการชี้นำ และความยุติธรรม พยามประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่ดี ไม่ว่าอย่างไรก็ตามรากที่มาของคำถามเหล่านี้ ล้วนมาจากความคิดที่ว่ามนุษย์ได้รับการบีบบังคับให้เป็นเช่นนั้น หรือที่เรียกว่าพรหมลิขิต ทั้งที่เหตุผลของพรหมลิขิตมิเป็นที่ยอมรับแต่อย่างใด เราเชื่อตามคำสอนของศาสนา ...
  • ท่านอับบาสอ่านกลอนปลุกใจว่าอย่างไรขณะกำลังนำน้ำมา
    8982 ชีวประวัตินักปราชญ์ 2554/12/25
    คำถามนี้ไม่มีคำตอบแบบสั้น ปรดเลือกปุ่มคำตอบที่สมบูรณ์ ...
  • ข้อแตกต่างระหว่างมะอ์นะวียัตในอิสลามและคริสตศาสนา
    6859 เทววิทยาใหม่ 2554/10/24
    คุณค่าของมะอ์นะวียัตของแต่ละศาสนาขึ้นอยู่กับคุณค่าของศาสนานั้นๆคำสอนของคริสตศาสนาบางประการขัดต่อสติปัญญาโดยที่ชาวคริสเตียนเองก็ยอมรับเช่นนั้นมะอ์นะวียัตที่ได้จากคำสอนเช่นนี้ก็ย่อมมีข้อผิดพลาดเป็นธรรมดาและนี่คือข้อแตกต่างหลักระหว่างมะอ์นะวียัตของอิสลามและคริสตศาสนากล่าวคือโดยพื้นฐานแล้วมะอ์นะวียัตของคริสต์ไม่อาจเป็นที่ยอมรับได้เมื่อพิจารณาถึงแหล่งเนื้อหาที่มีบางจุดขัดต่อสติปัญญาทำให้ไม่สามารถจะนำพาสู่ความผาสุกได้อย่างไรก็ดีสภาพมะอ์นะวียัตของตะวันตกในปัจจุบันย่ำแย่ไปกว่ามะอ์นะวียัตดั้งเดิมของคริสตศาสนาเสียอีกในขณะที่มะอ์นะวียัตของอิสลามนั้นได้รับอิทธิพลจากคำสอนจากวิวรณ์
  • ผู้มีญุนุบที่ได้ทำตะยัมมุมแทนการอาบน้ำยกหะดัสใหญ่ สามารถเข้ามัสยิดได้หรือไม่?
    6954 สิทธิและกฎหมาย 2554/08/08
    ผู้ที่มีญุนุบที่อยู่ในเงื่อนไขที่สามารถทำตะญัมมุมแทนการอาบน้ำยกหะดัสใหญ่นั้นหลังจากที่ได้ทำการตะยัมมุมแทนการอาบน้ำยกหะดัสใหญ่แล้วก็สามารถเข้าไปในมัสยิดเพื่อร่วมทำนมาซญะมาอัตหรือฟังบรรยายธรรมได้ท่านอิมามโคมัยนีได้ให้คำตอบเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า: “ผลพวงทางด้านชาริอะฮ์ที่เกิดขึ้นจากการอาบน้ำยกหะดัสใหญ่จะมีในกรณีการทำการตะยัมมุมทดแทนเช่นกันนอกจากกรณีการตะยัมมุมทดแทนด้วยเหตุผลที่จะหมดเวลานมาซมัรญะอ์ท่านอื่นๆก็มีทัศนะนี้เช่นเดียวกัน
  • ความสำคัญ และปรัชญาของการจัดพิธีกรรมรำลึกถึงท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) คืออะไร?
    7696 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/12/20
    สำหรับการติดตามผลอย่างมีนัยของการให้ความสำคัญและปรัชญาของการจัดพิธีกรรมรำลึกถึงท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) จำเป็นต้องพิจารณาประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้:1. ...
  • กาสาบานต่อท่านศาสดาและอิมามในเดือนรอมฎอนคือ สาเหตุทำให้ศีลอดเสียหรือ?
    7299 สิทธิและกฎหมาย 2555/07/16
    การสาบาน มิใช่หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ศีลอดเสีย แต่ถ้าได้สาบานโดยพาดพิงสิ่งโกหกไปยังอัลลอฮฺ (ซบ.) ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) และตัวแทนของท่านโดยตั้งใจ ซึ่งสาเหตุนี้เองที่กล่าวว่า เป็นการโกหกที่พาดพิงไปยังอัลลอฮฺ ศาสดา (ซ็อลฯ) และตัวแทนของท่าน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ศีลอดเสีย ส่วนคำสาบานต่างๆ ที่อยู่ในบทดุอาอฺไม่ถือว่าโกหก ทว่าเป็นการเน้นย้ำและอ้อนวอนให้ตอบรับดุอาอฺที่ขอต่ออัลลอฮฺ ซึ่งไม่ได้เป็นสาเหตุทำให้ศีลอดเสียแต่อย่างใด ...
  • ปรัชญาของการมีทาสในอิสลามคืออะไร? อิสลามมีวิธีการจัดการกับสิ่งเหล่าอย่างไร?
    12116 สิทธิและกฎหมาย 2555/08/22
    ถูกต้องบทบัญญัติเกี่ยวกับ การแต่งงานกับทาส, การเป็นมะฮฺรัมกับทาส, สัญญาซื้อขาย (ข้อตกลงที่จะปล่อยทาสเป็นไท) และ ...ได้ถูกกล่าวไว้ในอัลกุรอาน, การมีทาสได้รับการยืนยันว่ามีจริงในสมัยของท่านเราะซูล (ซ็อลฯ) และต้นยุคอิสลาม แต่จำเป็นต้องกล่าวว่าอิสลามมีโปรแกรมที่ละเอียดอ่อน และมีกำหนดเวลาในการปลดปล่อยทาสให้เป็นไท ซึ่งบั้นปลายสุดท้ายของทั้งหมดเหล่านั้นคือ การได้รับอิสรภาพเป็นไททั้งสิ้น ดังนั้นการเผชิญหน้าของอิสลามกับปัญหาเหล่านี้ จำเป็นต้องกล่าวถึงประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้: 1-อิสลามมิเคยเริ่มต้นปัญหาเรื่องทาส 2-อิสลามถือว่าปัญหาชะตากรรม และความเจ็บปวดใจของทาสในอดีตที่ผ่านมาคือ ปัญหาความล้าหลังอันยิ่งใหญ่ของสังคม 3-อิสลามได้วางโครงการที่ละเอียดอ่อน เพื่อปลดปล่อยทาสให้เป็นไท, เนื่องจากครึ่งหนึ่งของพลเมืองในสมัยก่อนเป็นทาสทั้งสิ้น, พวกเขาไม่มีอิสรเสรีในการประกอบอาชีพการงาน, ไม่มีปัจจัยสำหรับการดำเนินชีวิตต่อไป.ถ้าหากอิสลามได้มีคำสั่งต่อสาธารณชนว่าให้ทั้งหมดปล่อยทาสให้เป็นไท, ซึ่งเป็นไปได้ว่าส่วนใหญ่ของพวกเขาจะต้องสูญเสียชีวิต หรือไม่ชนส่วนใหญ่ก็จะต้องว่างงานไร้อาชีพ หิวโหย ถูกกีดกัน และพวกเขาต้องได้รับแรงกดดันจนกระทั่งเข้าทำร้ายและโจมตีในทุกที่ การประจัญบาน การนองเลือด และการทำลายกฎระเบียบของสังคมก็จะทวีความรุนแรงขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง อิสลามได้วางแผนการไว้อย่างละเอียด เพื่อดึงดูดสังคมให้ทาสเหล่านี้ได้รับอิสรภาพ และเป็นไทไปที่ละน้อย ซึ่งแผนการดังกล่าวมีองค์ประกอบหลายประการด้วยกัน ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60136 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    57576 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42222 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    39377 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    38954 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34008 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28026 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    27971 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    27808 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    25805 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...