การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
9799
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/08/17
 
รหัสในเว็บไซต์ fa1138 รหัสสำเนา 15980
คำถามอย่างย่อ
ในเมื่อนบีมูซาสังหารชายกิบฏี แล้วจะเชื่อว่าท่านไร้บาปได้อย่างไร?
คำถาม
กุรอานระบุว่านบีมูซาฆ่าชายกิบฏี ตกลงว่าท่านไร้บาปจริงๆหรือ?
คำตอบโดยสังเขป

นบีทุกท่านล้วนเป็นผู้ปราศจากบาปและมีสถานะอันสูงส่ง  อัลลอฮ์ (ตามระดับขั้นของแต่ละท่าน) และมีภาระหน้าที่ๆหนักกว่าคนทั่วไป โดยมาตรฐานของบรรดานบีแล้ว การให้ความสำคัญต่อสิ่งอื่นนอกเหนืออัลลอฮ์ถือเป็นบาปอันใหญ่หลวง
อย่างไรก็ดี นักวิชาการมีคำอธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์สังหารชายชาวกิบฏีหลายทัศนะ
คำอธิบายที่น่าสนใจที่สุดคือ ท่านมิได้ทำบาปใดๆ เนื่องจากการสังหารชาวกิบฏีในครั้งนั้นไม่เป็นฮะรอมเพราะควรแก่เหตุ เพียงแต่ท่านไม่ควรรีบลงมือเช่นนั้น
สำนวนในโองการกุรอานก็มิได้ระบุว่าเหตุดังกล่าวคือบาปของท่าน ดังที่มะอ์มูนถามอิมามริฎอ(.)เกี่ยวกับคำพูดของนบีมูซาที่ว่านี่คือการกระทำของชัยฏอน มันคือศัตรูผู้ล่อลวงอย่างชัดแจ้งหรือที่กล่าวว่าโอ้พระผู้อภิบาล ข้าฯอธรรมต่อตนเอง ขอทรงประทานอภัยเทอญอิมามริฎอตอบว่า การกระทำของชัยฏอนหมายถึงการทะเลาะเบาะแว้งกันของชายสองคน ส่วนที่ว่าท่านอธรรมต่อตนเองหมายถึงว่าท่านไม่ควรเข้ามาในเมือง ส่วนที่กล่าวว่าฟัฆฟิรลีหมายถึงขอให้พระองค์ทรงอำพรางท่านให้พ้นสายตาของฝ่ายฟาโรห์

คำตอบเชิงรายละเอียด

เพื่อให้ได้คำตอบที่กระจ่าง ควรพิจารณาถึงข้อเท็จจริงต่อไปนี้
. อะไรคือภาวะไร้บาป(อิศมะฮ์)?
อิศมะฮ์ในความหมายทั่วไป หมายถึงการได้รับความคุ้มครองอย่างปลอดภัย และการยึดเหนี่ยวสิ่งใดสิ่งหนึ่ง[i] ส่วนความหมายเชิงเทววิทยาหมายถึงความโปรดปรานพิเศษจากอัลลอฮ์ที่หากผู้ใดมี ก็จะทำลายแรงจูงใจที่จะฝ่าฝืนคำสั่งของพระองค์ แม้ว่าจะมีความสามารถที่จะทำบาปก็ตาม[ii]

. เหตุผลที่บรรดานบีจำเป็นต้องมีภาวะไร้บาป
1. หากบรรดานบีไม่มีภาวะไร้บาป ย่อมขัดต่อเป้าประสงค์ของพระองค์ เนื่องจากอัลลอฮ์แต่งตั้งนบีก็เพื่อที่จะแจ้งให้มนุษยชาติรับรู้ถึงผลประโยชน์และภัยคุกคามที่แท้จริง และเพื่อตระเตรียมปัจจัยที่จำเป็นต่อการขัดเกลาจิตใจเพื่อให้บรรลุความผาสุกในโลกนี้และโลกหน้า และเป้าประสงค์ดังกล่าวจะเป็นจริงได้ต่อเมื่อบรรดานบีมีภาวะไร้บาปเท่านั้น เนื่องจากหากนบียังทำบาป ถามว่าเรายังจะต้องปฏิบัติตามท่านหรือไม่ หากไม่ต้องปฏิบัติตาม แล้วจะมีนบีไปเพื่ออะไร แต่หากต้องทำบาปตาม ก็ย่อมเป็นเรื่องต้องห้ามที่จะทำบาป
2. หากนบีทำบาป ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังดำรงตำแหน่งนบีก็ตาม ย่อมทำให้ผู้คนหมดศรัทธาและเมินต่อคำสอนของพวกท่าน
ด้วยเหตุผลเชิงสติปัญญาข้างต้นและเหตุผลอื่นๆอีกมากมาย ทำให้ทราบว่าบรรดานบีจำเป็นต้องมีภาวะไร้บาป

. โองการที่ระบุว่าท่านนบีมูซาสังหารชายชาวกิบฏีไม่ขัดแย้งกับภาวะไร้บาปของท่านหรืออย่างไร?
กุรอานกล่าวว่าเขา(นบีมูซา)ได้เข้ามาในเมืองขณะที่ชาวเมืองไม่ทราบข่าว ทันใดนั้นเขาก็ได้เห็นชายสองคนกำลังทะเลาะกันอยู่ โดยที่หนึ่งในนั้นเป็นสาวกของเขา(บนีอิสรออีล) ส่วนอีกคนเป็นศัตรู ชายที่เป็นสาวกได้ขอความช่วยเหลือ มูซาได้ต่อยที่อกศัตรูทำให้ศัตรูสิ้นใจ มูซากล่าวว่า นี่คือการกระทำของชัยฏอน มันคือศัตรูผู้ล่อลวงอย่างชัดแจ้ง และกล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาล ข้าฯอธรรมต่อตนเอง ขอทรงประทานอภัยเทอญ อัลลอฮ์ได้อภัยแก่เขา และพระองค์คือผู้ทรงอภัยและเปี่ยมด้วยเมตตาธรรม[iii]
คำถามก็คือ ประโยคที่นบีมูซากล่าวว่านี่คือการกระทำของชัยฏอน มันคือศัตรูผู้ล่อลวงอย่างชัดแจ้งและที่ท่านกล่าวว่าโอ้พระผู้อภิบาล ข้าฯอธรรมต่อตนเอง ขอทรงประทานอภัยเทอญจะสอดคล้องกับภาวะไร้บาปของท่านได้อย่างไร?
ในประเด็นนี้ต้องทราบว่า ชายกิบฏีคนนั้นเป็นข้าราชบริพารของฟาโรห์ ซึ่งได้บังคับให้สาวกของนบีมูซาเก็บฟืน จึงเกิดเหตุชกต่อยกันขึ้น ขณะนั้นเอง นบีมูซาได้เข้าช่วยเหลือสาวกและต่อยที่อกของกิบฏีคนนั้นจนเป็นเหตุให้เขาตาย[iv] นักอรรถาธิบายกุรอานชี้แจงว่า การกระทำของนบีมูซาเข้าข่ายตัรกุลเอาลาหมายถึงการกระทำที่มิได้เป็นฮะรอม แต่จะเป็นสาเหตุให้สูญเสียโอกาสที่ดีกว่า[v] เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ท่านต้องประสบความยากลำบากมากขึ้น ทั้งนี้ก็เพราะทำให้ฟาโรห์สั่งไล่ล่าท่าน

หนังสือ อุยูน อัคบาริร ริฎอ บันทึกไว้ว่ามะอ์มูนได้เอ่ยถามท่านอิมามริฎอ(.)เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านตอบว่าประโยคที่ว่านี่คือการกระทำของชัยฏอนหมายถึงการทะเลาะกันของชายสองคนนั้น และที่กล่าวว่าโอ้พระผู้อภิบาล ข้าฯอธรรมต่อตนเองหมายถึงว่า ข้าฯไม่ควรทำให้เรื่องบานปลาย ข้าฯไม่น่าเข้ามาในเมืองตอนนี้ส่วนที่กล่าวว่าขอทรงประทานอภัยเทอญหมายถึงขอให้พระองค์ทรงอำพรางตัวข้าฯให้พ้นจากเงื้อมมือศัตรู ทั้งนี้ก็เพราะว่าความหมายหนึ่งของฆุฟรอนคือการอำพรางหรือหลบซ่อน[vi]
ซัยยิดมุรตะฎอ อะละมุ้ลฮุดา ได้ให้ข้อคิดเห็นสองประการในหนังสือ ตันซีฮุ้ลอัมบิยาอ์ เกี่ยวกับโองการนี้ว่า
1. อธรรมในที่นี้หมายถึงการละเว้นสิ่งอันเป็นมุสตะฮับ(สิ่งที่ดีกว่า) หมายถึงควรประวิงเวลาเข้าช่วยเหลือสาวกและสำเร็จโทษชายกิบฏี การกระทำของท่านถือเป็นตัรกุลเอาลา ซึ่งจะทำให้สูญเสียผลบุญส่วนหนึ่ง จึงเป็นเหตุให้ท่านกล่าวว่าข้าฯอธรรมต่อตนเอง
2. ประโยคนี่คือการกระทำของชัยฏอนหมายถึงการกดขี่ของชายชาวกิบฏี โดยนบีมูซามิได้เจตนาจะสังหารเขา เพียงแต่ต้องการจะปกป้องชีอะฮ์(สาวก)ของท่านเท่านั้น[vii]
เชคฏูซีกล่าวไว้ในตัฟซี้รอัตติ้บยานว่าการสังหารชายชาวกิบฏีคนนั้นมิไช่เรื่องที่น่ารังเกียจ เพราะอัลลอฮ์ทรงบัญชาให้ท่านลงไม้ลงมือกับเขา แต่สมควรจะกระทำภายหลัง เนื่องจากสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย แต่เมื่อท่านลงมือทันทีจึงเป็นการตัรกุลเอาลา ท่านจึงขออภัยโทษจากพระองค์[viii]
ส่วนผู้ประพันธ์ตัฟซี้รมัจมะอุ้ลบะยานชี้แจงไว้ดังนี้การสังหารเป็นไปเพื่อช่วยเหลือผู้ศรัทธาให้พ้นจากผู้กดขี่ โดยที่ไม่ได้เจตนาจะให้ถึงตาย ฉะนั้น จึงเป็นสิ่งที่เหมาะควรและไม่น่ารังเกียจ[ix]
ในตัฟซี้รฟัตฮุ้ลก่อดี้ร กล่าวว่าท่านขออภัยโทษจากอัลลอฮ์เนื่องจากตัรกุลเอาลา และนัยยะของข้าฯอธรรมต่อตนเองหมายถึง ข้าฯอธรรมต่อตัวเองเนื่องจากฟาโรห์จะสั่งให้ทหารไล่สังหารข้าฯจากคดีนี้อย่างแน่นอน ส่วนฟัฆฟิรลีหมายถึงขอให้พระองค์ทรงอำพรางตัวข้าอย่าให้ฟาโรห์จับได้
และหากโองการที่14 ซูเราะฮ์อัชชุอะรอ เล่าคำพูดของนบีมูซาที่ว่า  لهم علی ذنب (ฉันมีตราบาปสำหรับพวกเขา) นั่นหมายถึงบาปในมุมมองของฟาโรห์และพวก มิได้หมายความว่านบีมูซาทำบาป[x]

สุดท้ายนี้ขอสรุปว่า ตราบาปมีหลายระดับขั้น บาปที่เกิดจากการฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮ์ ย่อมขัดต่อหลักอิศมะฮ์ (ภาวะไร้บาป) แต่บางครั้ง การตัรกุลเอาลาก็ถือเป็นตราบาปในมาตรฐานระดับผู้ใกล้ชิดพระองค์อย่างบรรดานบี (แต่ไม่ไช่บาปสำหรับคนธรรมดา) ซึ่งกรณีนี้ไม่ขัดต่อหลักอิศมะฮ์แต่อย่างใด เนื่องจากเป็นไปตามสุภาษิตที่ว่าความดีของคนดีเป็นได้แค่ตราบาปของผู้ใกล้ชิดพระองค์

เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาอ่าน:
ดัชนี ภาวะไร้บาปของบรรดานบีในกุรอาน,ลำดับที่ 129
ดัชนี ภาวะไร้บาปของบรรดานบีในปริทรรศน์กุรอาน,ลำดับที 112



[i] มุฟร่อด้าตรอฆิบและอัลอัยน์ ศัพท์: عصم

[ii] บทเรียนเทววิทยา,.ญะฟัร ซุบฮานี,หน้า 405

[iii] وَ دَخَلَ الْمَدینَةَ عَلى‏ حینِ غَفْلَةٍ مِنْ أَهْلِها فَوَجَدَ فیها رَجُلَیْنِ یَقْتَتِلانِ هذا مِنْ شیعَتِهِ وَ هذا مِنْ عَدُوِّهِ فَاسْتَغاثَهُ الَّذی مِنْ شیعَتِهِ عَلَى الَّذی مِنْ عَدُوِّهِ فَوَکَزَهُ مُوسى‏ فَقَضى‏ عَلَیْهِ قالَ هذا مِنْ عَمَلِ الشَّیْطانِ إِنَّهُ عَدُوٌّ مُضِلٌّ مُبینٌ (15) قالَ رَبِّ إِنِّی ظَلَمْتُ نَفْسی‏ فَاغْفِرْ لی‏ فَغَفَرَ لَهُ إِنَّهُ هُوَ الْغَفُورُ الرَّحیمُ  ซูเราะฮ์ อัลก่อศ็อศ,15,16

[iv] ตัฟซี้รเนมูเนะฮ์,.มะการิม ชีรอซี,เล่ม 16,หน้า 42. ตัฟซี้รอัลบะยาน,.มะการิม ชีรอซี,เล่ม 7-8, ตัฟซี้ร อัตติ้บยาน,เชคฏูซี,เล่ม 2,หน้า 391ตัฟซี้รอิษนาอะชะรี,เล่ม 10,หน้า 94

[v] ตัฟซี้รนูรุษษะเกาะลัยน์,เล่ม 4,หน้า 119 ตัฟซี้รอิษนาอะชะรี,เล่ม 10,หน้า 94

[vi] อุยูน อัคบาริร ริฎอ(.),หน้า 155 ,หมวดที่ 15, นูรุษษะเกาะลัยน์,เล่ม 4,หน้า 119, อัลมีซาน,เล่ม 16,หน้า 18

[vii] อ้างจากมัจมะอุ้ลบะยาน

[viii] ตัฟซี้ร อัตติ้บยาน,เล่ม 2,หน้า 291

[ix] ตัฟซี้รมัจมะอุ้ลบะยาน,ฏอบัรซี,เล่ม 7,หน้า 382

[x] ตัฟซี้รฟัตฮุ้ลก่อดี้ร,เชากานี,เล่ม 4,หน้า 164

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • ผมได้หมั้นหมายกับคู่หมั้นมานานเกือบ 10 ปี แล้วเราสามารถอ่านอักด์ชัรอียฺก่อนแต่งงานตามกฎหมายได้หรือไม่?
    6464 สิทธิและกฎหมาย 2555/04/07
    คำตอบจากบรรดามัรญิอฺตักลีดเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว ตามที่มีผู้ถามมา[1] ฯพณฯท่านอายะตุลลอฮฺ .. : 1. ฯพณฯ ท่านอายะตุลลอฮฺ คอเมเนอี : ด้วยการใส่ใจและตรวจสอบเงื่อนไขทางชัรอียฺแล้ว, โดยตัวของมันไม่มีปัญหาแต่อย่างใด 2.ฯพณฯ ท่านอายะตุลลอฮฺ ซิตตานียฺ : การอ่านอักด์นิกาห์กับหญิงสาวบริสุทธิ์ต้องขออนุญาตบิดาของเธอก่อน 3.ฯพณฯ ท่านอายะตุลลอฮฺ ซอฟฟี ฆุลภัยฆอนียฺ : การแต่งงานของชายผู้ศรัทธากับหญิงผู้ศรัทธา มีเงื่อนไขหลักหลายประการ (เช่น การได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองของฝ่ายหญิงเป็นต้น) โดยตัวของมันแล้วไม่มีปัญหา แต่ถ้มีปัญหาอื่นจงเขียนคำถามมาให้ชัดเจน เพื่อจะได้ตอบไปตามความเหมาะสม 4.ฯพณฯ ท่านอายะตุลลอฮฺ มะการิม ชีรอซียฺ : ตามตัวบทกฎหมายของรัฐอิสลาม, การแต่งงานลักษณะนี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34183 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ความแตกต่างระหว่างจริยธรรมกับจริยศาสตร์คืออะไร? สิ่งไหนครอบคลุมมากกว่ากัน? และการตีความเกี่ยวกับจริยศาสตร์กับจริยธรรมอันไหนครอบคลุมมากกว่า?
    21399 จริยธรรมทฤษฎี 2555/04/07
    คำว่า “อัคลาก” ในแง่ของภาษาเป็นพหูพจน์ของคำว่า “คุลก์” หมายถึง อารมณ์,ธรรมชาติ, อุปนิสัย, และความเคยชิน,ซึ่งครอบคลุมทั้งอุปนิสัยทั้งดีและไม่ดี นักวิชาการด้านจริยศาสตร์,และนักปรัชญาได้ตีความเกี่ยวกับจริยศาสตร์ไว้มากมาย. ซึ่งในหมู่การตีความทั้งหลายเหล่านั้นของนักวิชาการสามารถนำมารวมกัน และกล่าวสรุปได้ดังนี้ว่า “อัคลาก ก็คือคุณภาพทางจิตวิญญาณของมนุษย์ ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่มีความเหมาะสม หรือพฤติกรรมอันเหมาะสมของมนุษย์ที่ปฏิบัติในชีวิตประจำวันตน” สำหรับ ศาสตร์ด้านจริยธรรมนั้น มีการตีความไว้มากมายเช่นกัน ซึ่งในคำอธิบายเหล่านั้นเป็นคำพูดของท่าน มัรฮูม นะรอกียฺ กล่าวไว้ในหนังสือ ญามิอุลสะอาดะฮฺว่า : ความรู้ (อิลม์) แห่งจริยศาสตร์หมายถึง การรู้ถึงคุณลักษณะ (ความเคยชิน) ทักษะ พฤติกรรม และการถูกขยายความแห่งคุณลักษณะเหล่านั้น การปฏิบัติตามคุณลักษณะที่แตกต่างกันในการช่วยเหลือให้รอดพ้น หรือการการปล่อยวางคุณลักษณะที่นำไปสู่ความหายนะ” ส่วนการครอบคลุมระหว่างจริยธรรมกับศาสตร์แห่งจริยธรรมนั้น มีคำกล่าวว่า,ความแตกต่างระหว่างทั้งสองมีอยู่เฉพาะในทฤษฎีเท่านั้นเอง ดังนั้น บนพื้นฐานดังกล่าวนี้ ถ้าหากจะกล่าวว่า สิ่งไหนมีความครอบคลุมมากกว่ากันจึงไม่มีความหมายแต่อย่างใด ...
  • กรุณาอธิบายวิธีตะยัมมุมแทนที่วุฎูอฺและฆุซลฺ ว่าต้องทำอย่างไร?
    10645 สิทธิและกฎหมาย 2555/05/17
    จะทำตะยัมมุมอย่างไร การตะยัมมุมนั้นมี 4 ประการเป็นวาญิบ: 1.ตั้งเจตนา, 2. ตบฝ่ามือทั้งสองข้างลงบนสิ่งที่ทำตะยัมมุมกับสิ่งนั้นแล้วถูกต้อง, 3. เอาฝ่ามือทั้งสองข้างลูบลงบนหน้าผากตั้งแต่ไรผม เรื่อยลงมาจนถึงคิ้ว และปลายมูก อิฮฺติยาฏวาญิบ, ให้เอาฝ่ามือลูบลงบนคิ้วด้วย, 4. เอาฝ่ามือข้างซ้ายลูบหลังมือข้างขวา, หลังจากนั้นให้เอาฝ่ามือข้างขวาลูบลงหลังมือข้างซ้าย คำวินิจฉัยของมัรญิอฺบางท่าน กล่าวถึงการตะยัมมุมแทนวุฎูอฺ และฆุซลฺ ไว้ดังนี้: หนึ่ง. การตะยัมมุมแทนทีฆุซลฺ, อิฮฺยาฏมุสตะฮับ หลังจากทำเสร็จแล้วให้เอาฝ่ามือทั้งสองข้างตบลงบนฝุ่นอีกครั้ง (ตบครั้งที่สอง) หลังจากนั้นให้เอาฝ่ามือลูบลงที่หลังมือข้างขวาและข้างซ้าย[1] มัรญิอฺ บางท่านแสดงความเห็นว่า สิ่งที่เป็นมุสตะฮับเหล่านี้ สมควรทำในตะยัมมุม ที่แทนที่ วุฎูดฺด้วย
  • มีหลักฐานระบุว่าควรกล่าวตักบี้รและหันหน้าซ้ายขวาหลังกล่าวสลามหรือไม่?
    6388 สิทธิและกฎหมาย 2555/02/19
    การผินหน้าไปทางขวาและซ้าย ถือเป็นมุสตะฮับภายหลังให้สลามสุดท้ายของนมาซ โดยตำราฮะดีษก็ให้การยืนยันถึงเรื่องนี้  อย่างไรก็ดี วิธีปฏิบัติที่ถูกต้องมีรายละเอียดดังต่อไปนี้:1. ในกรณีของอิมามญะมาอัต ภายหลังให้สลามแล้ว ก่อนที่จะผินหน้าขวาซ้าย ให้มองไปทางขวาก่อน2. ในกรณีของมะอ์มูม ให้กล่าวสลามแก่อิมามขณะอยู่ในทิศกิบละฮ์ หลังจากนั้นจึงให้สลามทางด้านขวาและซ้าย ทั้งนี้ การสลามด้านซ้ายจะกระทำต่อเมื่อมีมะอ์มูมหรือมีกำแพงอยู่ด้านซ้าย ส่วนด้านขวาจะกระทำทุกกรณี ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีมะอ์มูมด้านขวาก็ตาม3. ในกรณีที่นมาซฟุรอดา (คนเดียว) ให้กล่าวสลามครั้งเดียวขณะอยู่ในทิศกิบละฮ์ว่า อัสลามุอลัยกุม และหันด้านขวาในลักษณะที่ปลายจมูกเบนไปด้านขวาเล็กน้อย[1]จากที่นำเสนอมาทั้งหมด ทำให้เข้าใจได้ว่าสิ่งที่เป็นมุสตะฮับสำหรับผู้ที่นมาซคนเดียวก็คือการเบนหน้าไปทางขวาให้ปลายจมูกหันทางขวาเล็กน้อย และสำหรับผู้ที่นมาซญะมาอัต ...
  • ความเชื่อคืออะไร
    17678 เทววิทยาใหม่ 2554/04/21
    ความเชื่อคือความผูกพันขั้นสูงสุดของมนุษย์เกี่ยวกับเรื่องจิตวิญญาณซึ่งถือว่าเป็นมงคลแก่ผู้คนและพร้อมที่จะแสดงความรักและความกล้าหาญของตนออกมาเพื่อสิ่งนั้นความเชื่อในกุรอานมี 2 ปีก : ศาสตร์และการปฏิบัติศาสตร์เพียงอย่างเดียวสามารถรวมเข้าด้วยกันกับการปฏิเสธศรัทธาได้ขณะเดียวกันการปฏิบัติเพียงอย่างเดียวสามารถเชื่อมโยงกับการกลับกลอกได้ในหมู่บรรดานักศาสนศาสตร์อิสลามได้แสดงทัศนะเกี่ยวกับความเชื่อไว้ ...
  • เหตุใดในโองการที่สอง ซูเราะฮ์มุฮัมมัด وَ الَّذِینَ ءَامَنُواْ وَ عَمِلُواْ الصَّالِحَاتِ وَ ءَامَنُواْ بِمَا نُزِّلَ عَلىَ‏ محُمَّدٍ وَ...‏ มีการเอ่ยนามของท่านนบี ขณะที่โองการอื่นๆไม่มี?
    8851 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/18
    เหตุผลที่มีการเอ่ยนามอันจำเริญของท่านนบี(ซ.ล.)ไว้ในโองการที่กล่าวมาก็เพื่อแสดงถึงความสำคัญของประโยคนี้ในโองการทั้งนี้อัลลอฮ์ทรงประสงค์จะเทิดเกียรติท่านนบี(ซ.ล.)ด้วยการเอ่ยนามท่านนักอรรถาธิบายกุรอานบางคนเชื่อว่าอีหม่านในท่อนที่สองเป็นการเจาะจงเพราะท่อนที่สองเน้นย้ำถึงคำสอนของท่านนบี(ซ.ล.) กล่าวคือความศรัทธาต่ออัลลอฮ์จะไม่มีวันครบถ้วนสมบูรณ์ได้เว้นแต่จะต้องศรัทธาต่อคำสอนที่วิวรณ์แก่ท่านนบี(ซ.ล.)ด้วยบางคนเชื่อว่าการเอ่ยนามท่านนบี(ซ.ล.)มีจุดประสงค์เพื่อมิให้ชาวคัมภีร์อ้างได้ว่าเราศรัทธาเพียงอัลลอฮ์และบรรดาศาสดาตลอดจนคัมภีร์ของพวกเราเท่านั้น ...
  • สามารถครอบครองที่ดินบริจาคได้หรือไม่? สามารถขายที่ดินบริจาคได้หรือไม่?
    5940 สิทธิและกฎหมาย 2554/11/21
    โปรดพิจารณาคำวินิจฉัยของมัรญิอฺตักลีดเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวท่านอายะตุลลอฮฺอัลอุซมาคอเมเนอี (ขออัลลอฮฺทรงปกป้องท่าน
  • ฮะดีษที่ว่า "อิมามทุกท่านมีสถานะและฐานันดรเทียบเคียงท่านนบี(ซ.ล.)"(อัลกาฟีย์,เล่ม 1,หน้า 270) เชื่อถือได้หรือไม่?
    7305 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/11/09
    แม้เหล่าผู้ปราศจากบาปทั้งสิบสี่ท่านจะบรรลุฐานันดรทางจิตวิญญาณอันสูงส่งแต่อย่างไรก็ดีท่านเราะซู้ล(ซ.ล.)คือผู้ที่มีสถานะสูงสุดและมีข้อแตกต่างบางประการที่อิมามมะอ์ศูมอื่นๆไม่มีดังที่ท่านอิมามศอดิก(อ.)กล่าวว่า "บรรดาอิมามเปรียบดั่งท่านนบี(ซ.ล.) เพียงแต่มิได้มีสถานะเป็นศาสนทูตและไม่สามารถกระทำบางกิจเฉกเช่นนบี (
  • จากเนื้อหาของดุอากุเมล บาปประเภทใดที่จะทำให้ม่านแห่งความละอายถูกฉีกขาด บะลาถาโถมมา และทำให้ดุอาไม่ได้รับการตอบรับ?
    10207 จริยธรรมปฏิบัติ 2555/02/13
    โดยปกติแล้วบาปทุกประเภทจะเป็นเหตุให้ม่านแห่งความละอายถูกฉีกขาดบาปทุกประเภทสามารถทำให้เกิดบะลายับยั้งการตอบรับดุอาและริซกีของมนุษย์ได้ทั้งสิ้นเหล่านี้เป็นผลกระทบตามธรรมชาติของการทำบาปซึ่งตำราวิชาการของเราก็เน้นย้ำไว้เช่นนี้อย่างไรก็ดีบางฮะดีษเจาะจงถึงผลลัพท์ของบาปบางประเภทเป็นการเฉพาะอาทิเช่นการกดขี่ข่มเหงผู้อื่น

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60331 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    57875 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42432 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    39696 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39094 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34183 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28216 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28158 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28086 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26037 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...