การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
6032
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2550/09/29
คำถามอย่างย่อ
เหตุผลของการเลือกบรรดาศาสดาและอิมาม ท่ามกลางปวงบ่าวอื่นๆ?
คำถาม
เหตุผลของการเลือกบรรดาศาสดาและอิมาม ท่ามกลางปวงบ่าวอื่นคืออะไร? เพราะเหตุใดมุฮัมมัดจึงเป็นผู้ถูกเลือกสรรของพระเจ้า และเป็นบ่าวที่ดีที่สุด? แล้วประเด็นนี้เกี่ยวข้องกับช่วงเวลาก่อนการประสูติของท่านด้วยหรือไม่?
คำตอบโดยสังเขป

บนพื้นฐานของเหตุผลทั่วไปแห่งสภาวะการเป็นศาสดา คือ การชี้นำมวลมนุษยชาติ, พระองค์จึงเลือกสรรประชาชาติบางคนจากหมู่พวกเขาในฐานะของแบบอย่าง, เพื่อเป็นตัวแทนและเป็นผู้ชี้นำทาง แน่นอนการเลือกสรรนี้มิได้ปราศจากเหตุผล

คำอธิบาย ศักยภาพในการเป็นเคาะลิฟะฮฺของพระเจ้า ได้ถูกมอบแก่มนุษย์ทุกคนแล้ว เพียงแต่ว่ามิใช่มนุษย์ทุกคนจะไปถึงขั้นนั้นได้, มีเฉพาะบางคนเท่านั้นที่มีศักยภาพพอ และด้วยการอิบาดะฮฺทำให้เขาได้ไปถึงยังตำแหน่งของการเป็นตัวแทนของพระองค์บนหน้าแผ่นดิน และพวกเขาจะไม่กระทำความผิดตามเจตนารมณ์เสรีของตน, อัลลอฮฺ ทรงรอบรู้ถึงสภาพของพวกเขาทั้งก่อนการสร้างในรูปแบบภายนอก และทรงรอบรู้ถึงสภาพและความประพฤติของพวกเขาเป็นอย่างดี, การตอบแทนผลรางวัลแก่การงานของพวกเขา, พระองค์ทรงเลือก มอบสาส์น และความคู่ควรการเป็นผู้นำสังคมแก่พวกเขา, ดังนั้น ความเร้นลับในการเลือกสรรจึงวางอยู่บน 2 เหตุผล กล่าวคือ

1.การแสดงความเคารพสมบูรณ์ของหมู่มิตรของพระเจ้าที่มีต่อพระองค์

2.ความเมตตาและความการุณย์พิเศษของพระเจ้า ที่มีต่อหมู่มิตรของพระองค์

สรุป ความเมตตาการุณย์ของพระเจ้าที่ทรงมีต่อบรรดาศาสดา และบรรดาอิมาม (อ.) เนื่องจากว่า หนึ่ง : วางอยู่บนศักยภาพและความเพียรพยายามของพวกเขา และสอง : การมอบความเมตตานี้ ตามความเป็นจริงแล้วเป็นความเมตตาประเภทหนึ่งที่มีต่อปวงบ่าวทุกคน เพื่อการชี้นำทางพวกเขา, ซึ่งวางอยู่บนวิทยปัญญาและความยุติธรรม.

คำตอบเชิงรายละเอียด

บนเหตุผลทั่วไปของการเป็นศาสดา, อัลลอฮฺทรงเลือกสรรประชาชาติบางคนในหมู่พวกเขา ให้เป็นแบบอย่างและเป็นผู้ช้ำนำแก่พวกเขา ซึ่งบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงเลือกสรรนั้นมีคุณสมบัติพิเศษ เช่น มีความรู้ และความบริสุทธิ์ ด้วยเหตุนี้เอง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบรรดาศาสดาและบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.) ต่างได้รับความการุณย์พิเศษจากพระเจ้า ทว่าความการุณย์พิเศษที่พระองค์ทรงมอบให้นี้เกิดจากศักยภาพ ความดีงาม และความปรารถนาของบรรดาผู้บริสุทธิ์, กล่าวคือ อัลลอฮฺ ทรงรอบรู้ด้วยวิทยปัญญาอันสมบูรณ์และนิรันดร์ของพระองค์ว่า มีบางกลุ่มชนจากปวงบ่าวทั้งหลายมีศักยภาพเหนือกว่าบุคคลอื่น และเป็นผู้เชื่อฟังปฏิบัติตามพระองค์โดยจริงใจและบริสุทธิ์ใจยิ่ง ด้วยเหตุนี้เอง พระองค์จึงเลือกพวกเขาจากหมู่ประชาชาติทั้งหลาย และทรงมอบความเมตตาพิเศษตลอดจนรางวัลแก่พวกเขา และพระองค์ทรงรอบรู้ดียิ่งว่า พวกเขาจะไปถึงยังตำแหน่งของผู้บริสุทธิ์สมบูรณ์ด้วยความรู้ และความปรารถนาของตนเอง เพื่อว่าจะได้ประสบความสำเร็จในการชี้นำทาง และเป็นที่เชื่อถือและมั่นใจสำหรับบุคคลอื่น

อัลกุรอาน และรายงานจำนวนมากมายได้บ่งชี้ถึงประเด็นดังกล่าว ซึ่งจะขอหยิบยกมาอธิบายบางส่วน ดังนี้, อัลลอฮฺ ตรัสไว้ในอัลกุรอานว่า : และจากพวกเขา เราได้ตั้งให้พวกเขาเป็นผู้นำ เพื่อจะได้ชี้แนะแนวทางที่ถูกต้อง (แก่ประชาชน) ตามคําบัญชาของเรา เนื่องจากพวกเขามีความอดทนและมีความเชื่อมั่นต่อโองการทั้งหลายของเรา.[1]

ท่านอิมามซอดิก (อ.) กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า : แน่นอน อัลลอฮฺ ทรงเลือกสรรมนุษย์จากบุตรหลานของอาดัม ทรงทำให้การถือกำเนิดและร่างกายของพวกเขาสะอาดบริสุทธิ์ แล้วทรงปกป้องพวกเขาไว้ในไขสันหลังของบุรุษ และรังไข่ของสตรี มิใชเป็นเพราะว่าอัลลอฮฺทรงปรารถนาจึงเป็นเช่นนั้น, ทว่าอัลลอฮฺ ทรงทราบดียิ่งนับตั้งแต่เริ่มสร้างว่า พวกเขาจะเชื่อฟังปฏิบัติตามพระบัญชาของพระองค์ พวกเขาจะแสดงความเคารพภักดีต่อพระองค์เสมอ โดยพวกเขาจะไม่ตั้งภาคีเทียบเทียมพระองค์ [แม้แต่ภาคีชนิดเบาบางที่สุด] ดังนั้น พวกเขาจึงถูกประทานลงมาจากพระเจ้า เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้เชื่อฟังปฏิบัติตามพระบัญชาของพระองค์ และเป็นผู้มีเกียรติอันสูงส่ง ณ พระองค์[2]

ตอนเริ่มแรกของดุอาอฺ นุดบะฮฺ กล่าวว่า : โอ้ อัลลอฮฺ ขอขอบคุณพระองค์, พระองค์ทรงวางเงื่อนไขกับพวกเขา (หมู่มิตรของพระองค์) ว่า จงอย่าลุ่มหลงต่อความสวยงาม และตำแหน่งทางโลก จงอย่าคิดถึงตำแหน่งใด นอกจากความใกล้ชิดต่อพระองค์ และพวกเขาก็ได้ยอมรับเงื่อนไขต่างๆ เหล่านี้ และพระองค์ทรงรอบรู้ดียิ่งว่าพวกเขาต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข พระองค์จึงทรงยอมรับพวกเขา และให้พวกเขาเป็นผู้ใกล้ชิดต่อพระองค์ ด้วยความดีงามเหล่านี้นั่นเอง พระองค์จึงทรงประทานมลาอิกะฮฺลงมายังพวกเขา และทรงยกเกียรติยศของพวกเขาด้วยวะฮฺยูของพระองค์ และพวกเขาได้อ่านความรู้อันไร้พรมแดนจำกัดของพระองค์[3]

สรุป ศักยภาพการเป็นตัวแทนของอัลลอฮฺ ได้ถูกบรรจุอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน เพียงแต่ใช่ว่าทุกคนจะไปถึงยังตำแหน่งนั้น[4] การเลือกบรรดาศาสดาและบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.) สืบเนื่องจากการได้รับประโยชน์อย่างความสมบูรณ์แบบของพวกเขา จากศักยภาพต่างๆ ที่อัลลอฮฺทรงมอบให้ในวิถีของการแสดงความเคารพภักดีต่อพระเจ้า และอัลลอฮฺ ทรงรอบรู้สิ่งนี้ด้วยความรู้นิรันดร์ของพระองค์ กล่าวคือ พระองค์ทรงทราบเป็นอย่างดีว่ากลุ่มชนเหล่านี้ จะใช้ศักยภาพและความสามารถทั้งหมดที่มีอยู่ไปในหนทางของพระองค์ พระองค์จึงทรงตอบแทนพวกเขา ด้วยการมอบความการุณย์อันเฉพาะพิเศษ กล่าวคือ ตำแหน่งการเป็นศาสดาและอิมามแก่พวกเขา

อย่างไรก็ตาม, การประทานความการุณย์พิเศษจากอัลลอฮฺ วางอยู่บนความเหมาะสมของบุคคล, ด้วยเหตุนี้ บางคนมิได้อยู่ในขอบข่ายของความการุณย์ดังกล่าว ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า การมีศักยภาพดังกล่าวมิได้เป็นความเหมาะสมสำหรับพวกเขา และพวกเขาก็ไม่รู้ถึงคุณค่าเหล่านั้นด้วย

จะกล่าวถึงตัวอย่างสองสามประการจากอัลลอฮฺ เพื่อเราจะได้รู้ว่าปวงบ่าวบางคนได้รับความประเสริฐเหล่านั้น แต่เนื่องจากการนำไปใช้ประโยชน์ในทางไม่ดี ความการุณย์เหล่านั้นได้กลายเป็นการลงโทษพวกเขาในบัดดล. การมอบความการุณย์พิเศษจากอัลลอฮฺ แก่ปวงบ่าวบางคนที่บริสุทธิ์มิได้ปราศจากวิทยปัญญา เนื่องจาก อัลลอฮฺผู้ทรงรอบรู้เหตุการณ์ ทรงรู้ดีว่าจะมอบสาส์นของพระองค์แก่ผู้ใด และผู้ใดมีศักยภาพพอสำหรับการรับสาส์นั้น

อัลลอฮฺ ตรัสถึงบ่าวบางคนจากหมู่ชนของมูซา (อ.) ซึ่งตามรายงานเรียกเขาว่า บิลอิลม์ ตรัสว่า : เราได้ยกย่องปวงบ่าวบางคน, และเราได้ให้รางวัลอันเฉพาะแก่เขา นอกจากนั้นยังมอบเกียรติยศแก่เขา [แน่อน มิใช่ตำแหน่งนบีหรือศาสดา] แต่เขากลับนำเอาความการุณย์พิเศษของพระเจ้า ไปเป็นทาสรับใช้อำนาจฝ่ายต่ำของตน และใช้สิ่งนั้นไปในหนทางไม่ดี และเนื่องด้วยการนำไปใช้ประโยชน์ในทางที่ไม่ดีนั่นเอง ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ได้รับการยกย่องอีกต่อไป ทว่าเขายังต่ำต้อยยิ่งกว่าสุนัขเสียอีก[5]

เมื่อพิจารณาสิ่งที่กล่าวมา,จะได้คำตอบชัดเจนจากคำถามที่ว่า การเลือกสรรศาสดานั้น เกี่ยวข้องกับช่วงเวลาก่อนการถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกนี้หรือไม่? เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า มาตรฐานคือการงานบนโลกนี้, ดังเช่นความหมายของรายงานหนึ่ง เหมือนที่ท่านอิมามซอดิก (อ.) กล่าวไว้ว่า : อัลลอฮฺ ทรงมีบัญชาแก่เหล่าสหายฝ่ายขวาว่า จงโดดเข้าไปในกองเพลิงเถิด พวกเขาได้ตอบรับ และกระโดดเข้าไปในกองเพลิง ส่วนเหล่าสหายฝ่ายเหนือดื้อดึง และไม่ยอมกระโดดเข้ากองเพลิง[6] ดังนั้น เป็นที่ชัดเจนว่าวัตถุประสงค์ของบุคคล ที่ได้ประพฤติปฏิบัติตนด้วยการเลือกสรรและเจตนารมณ์เสรี พวกเขาได้ก้าวไปสู่การเป็นสหายฝ่ายขวา หรือฝ่ายเหนือ ซึ่งธาตุแท้ของพวกเขาได้ถูกแสดงให้เห็นตั้งแต่ก่อนที่จะลงมายังโลกมนุษย์

ไม่ว่าอย่างไรก็ตามความประเสริฐและความดีกว่า ของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) และบรรดาอิมาม (อ.) เมื่อเทียบกับบุคคลอื่นเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนอยู่แล้ว, ท่านอิมามซอดิก (อ.) กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า : เมื่ออัลลอฮฺ ทรงเริ่มการสร้างสรรค์สรรพสิ่ง พระองค์ทรงให้สิ่งเหล่านั้นปรากฏอยู่ ณ เบื้องพระพักตร์ของพระองค์ และถามพวกเขาว่า ใครคือพระผู้อภิบาลของพวกเจ้า? มีบุคคลหนึ่งได้ตอบโดยกล่าวว่า พระองค์คือพระผู้อภิบาลของพวกเรา, บุคคลนั้นคือ ท่านเราะซูล (ซ็อล ฯ) อิมามอะลี และบรรดาอิมามท่านอื่นๆ (อ.) ดังนั้น อัลลอฮฺ จึงทรงมอบให้พวกเขาเป็นผู้รับผิดชอบความรู้และศาสนา[7]

หรือในบางรายงานท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) กล่าวว่า : »อัลลอฮฺทรงสร้างฉัน อะลี ฟาฏิมะฮฺ ฮะซัน และฮุซัยนฺ 7000 ปี ก่อนที่จะสร้างโลกนี้«[8] ซึ่งวัตถุประสงค์ของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) คือ การสร้างประกายรัศมีและความเร้นลับด้านจิตวิญญาณ มิใช่หมายถึงการสร้างด้านกายภาพและร่างกาย ซึ่งต้องอาศัยกาลเวลาและสถานที่ สรุปก็คือ ความโปรดปรานของอัลลอฮฺที่มีต่อบรรดาศาสดา และบรรดาอิมาม (อ.) คือ วางอยู่บนพื้นฐานของศักยภาพและความเพียรพยายามของพวกเขา สอง : การให้ความการุณย์พิเศษนี้ ตามความเป็นจริงแล้วเป็นความโปรดปรานชนิดหนึ่ง ที่ทรงมอบแก่ปวงบ่าวทุกคน เพื่อการชี้นำทางพวกเขา, และสิ่งนั้นวางอยู่บนวิทยปัญญาและความยุติธรรม.

 


[1] อัลกุรอาน บทซัจญฺดะฮฺ, 24.

[2] บิฮารุลอันวาร, เล่ม 10, หน้า 170.

[3] ซีดีวิชาการ พะรัซเซมอน

[4] อายะตุลลอฮฺ มิซบาฮฺ ยัซดี, พิช เนยอซฮอเยะ มุดีรียัต อิสลามมี, หน้า 56

[5] อายะตุลลอฮฺ มิซบาฮฺ ยัซดี, ดัรพัรทูร วิลายะฮฺ, หน้า 56.

[6] บิฮารุลอันวาร, เล่ม 5, หน้า 241.

[7] อ้างแล้วเล่มเดิม, หน้า 224

[8] อ้างแล้วเล่มเดิม, เล่ม 54, หน้า 43.

 

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • ถูกต้องไหม ขณะที่ท่านอิมามอะลี (อ.) ถูกฟันศีรษะขณะนมาซซุบฮฺ,อิมามฮะซันและอิมามฮุซัยนฺ มิได้อยู่ด้วย?
    7966 تاريخ بزرگان 2554/12/20
    รายงานเกี่ยวกับการถูกฟันของท่านอิมามอะลี (อ.) ซึ่งขณะนั้นท่านอิมามฮะซันและอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ร่วมอยู่ด้วยนั้นมีจำนวนมากด้วยเหตุนี้เองจึงมีความเป็นไปได้หลายกรณีเกี่ยวกับประเด็นที่กำลังวิภาษกันอยู่กล่าวคือ:1.
  • ชาวสวรรค์ทุกคนจะได้ครองรักกับฮูรุลอัยน์หรือไม่? ฮูรุลอัยน์แต่ละนางมีสามีได้เพียงคนเดียวไช่หรือไม่? และจะมีฮูรุลอัยน์เพศชายสำหรับสตรีชาวสวรรค์หรือไม่?
    10790 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    สรวงสวรรค์นับเป็นความโปรดปรานที่พระองค์ทรงมอบเป็นรางวัลสำหรับผู้ศรัทธาและประพฤติดีโดยไม่มีข้อจำกัดทางเพศจากการยืนยันโดยกุรอานและฮะดีษพบว่า “ฮูรุลอัยน์”คือหนึ่งในผลรางวัลที่อัลลอฮ์ทรงมอบให้ชาวสวรรค์น่าสังเกตุว่านักอรรถาธิบายกุรอานส่วนใหญ่ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าในสวรรค์ไม่มีพิธีแต่งงานส่วนคำว่าแต่งงานกับฮูรุลอัยน์ที่ปรากฏในกุรอานนั้นตีความกันว่าหมายถึงการมอบฮูรุลอัยน์ให้เคียงคู่ชาวสวรรค์โดยไม่ต้องแต่งงาน.ส่วนคำถามที่ว่าสตรีในสวรรค์สามารถมีสามีหลายคนหรือไม่นั้นจากการศึกษาโองการกุรอานและฮะดีษทำให้ได้คำตอบคร่าวๆว่าหากนางปรารถนาจะมีคู่ครองหลายคนในสวรรค์ก็จะได้ตามที่ประสงค์ทว่านางกลับไม่ปรารถนาเช่นนั้น ...
  • เนื่องจากการเสริมสวยใบหน้า ดังนั้น กรณีนี้สามารถทำตะยัมมุมแทนวุฎูอฺได้หรือไม่?
    9275 สิทธิและกฎหมาย 2556/01/24
    ทัศนะบรรดามัรญิอฺ ตักลีดเห็นพร้องต้องกันว่า สิ่งที่กล่าวมาในคำถามนั้นไม่อาจนำมาเป็นข้ออ้าง เพื่อละทิ้งวุฎูอฺหรือฆุซลฺ และทำตะยัมมุมแทนได้เด็ดขาด[1] กรณีลักษณะเช่นนี้ ผู้ที่มีความสำรวมตนส่วนใหญ่จะวางแผนไว้ก่อน เพื่อไม่ให้โปรแกรมเสริมสวยมามีผลกระทบกับการปฏิบัติสิ่งวาญิบของตน ซึ่งส่วนใหญ่จะทราบเป็นอย่างดีว่าเวลาที่ใช้ในการเสริมสวยแต่ละครั้งจะไม่เกิน 6 ชม. ดังนั้น ช่วงเวลาซุฮฺรฺ เจ้าสาวสามารถทำวุฏูอฺและนะมาซในร้านเสริมสวย หลังจากนั้นค่อยเริ่มแต่งหน้าเสริมสวย จนกว่าจะถึงอะซานมัฆริบให้รักษาวุฏูอฺเอาไว้ และเมื่ออะซานมัฆริบดังขึ้น เธอสามารถทำนะมาซมัฆริบและอิชาอฺได้ทันที ดังนั้น ถ้าหากมีการจัดระเบียบเวลาให้เรียบร้อยก่อน เธอก็สามารถทำได้ตามกล่าวมาอย่างลงตัว อย่างไรก็ตามเจ้าสาวต้องรู้ว่าเครื่องสำอางที่เธอแต่งหน้าไว้นั้น ต้องสามารถล้างน้ำออกได้อย่างง่ายดาย และต้องไม่เป็นอุปสรรคกีดกั้นน้ำสำหรับการทำวุฎูอฺเพื่อนะมาซซุบฮฺในวันใหม่ [1] มะการิมชีรอซียฺ,นาซิร,อะฮฺกามบานูวอน, ...
  • กฏการโกนเคราและขนบนร่างกายคืออะไร?
    15065 สิทธิและกฎหมาย 2554/09/25
    เฉพาะการโกนเคราบนใบหน้า[1]ด้วยมีดโกนหรือเครื่องโกนหนวดทั่วไปถึงขั้นที่ว่าบุคคลอื่นเห็นแล้วกล่าวว่าบนใบหน้าของเขาไม่มีหนวดแม้แต่เส้นเดียว, ฉะนั้นเป็นอิฮฺติยาฏวาญิบถือว่าไม่อนุญาต
  • ท่านนบี(ซ.ล.)เคยกล่าวไว้ดังนี้หรือไม่? “หากผู้คนล่วงรู้ถึงอภินิหารของอลี(อ.) จะทำให้พวกเขาปฏิเสธพระเจ้าเพราะจะโจษขานว่าอลีก็คือพระเจ้านั่นเอง(นะอูซุบิลลาฮ์)”
    9185 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/01/19
    เราไม่พบฮะดีษที่คุณยกมาในหนังสือเล่มใดแต่มีฮะดีษชุดที่มีความหมายคล้ายคลึงกันปรากฏอยู่ในตำราหลายเล่มซึ่งขอหยิบยกฮะดีษบทหนึ่งจากหนังสืออัลกาฟีมานำเสนอพอสังเขปดังนี้อบูบะศี้รเล่าว่าวันหนึ่งขณะที่ท่านนบี(ซ.ล.)นั่งพักอยู่ท่านอิมามอลี(อ.)ก็เดินมาหาท่านท่านนบีกล่าวแก่อิมามอลี(อ.)ว่า “เธอคล้ายคลึงอีซาบุตรของมัรยัมและหากไม่เกรงว่าจะมีผู้คนบางกลุ่มยกย่องเธอเสมือนอีซาแล้วฉันจะสาธยายคุณลักษณะของเธอกระทั่งผู้คนจะเก็บดินใต้เท้าของเธอไว้เพื่อเป็นสิริมงคล ...
  • ชีอะฮ์มีสำนักตะศ็อววุฟหรืออิรฟานเหมือนซุนหนี่หรือไม่? เป็นไปได้หรือไม่ที่จะจาริกอย่างชีอะฮ์ในสังคมปัจจุบัน และหากเป็นไปได้ เราควรเริ่มจากจุดใด? สามารถจะจาริกในหนทางนี้โดยปราศจากครูบาอาจารย์ได้หรือไม่? ฯลฯ
    5971 รหัสยทฤษฎี 2555/03/12
    มีอาริฟ(นักจาริก)ในโลกชีอะฮ์มากมายที่ค้นหาสารธรรมโดยอิงคำสอนอันบริสุทธิ์ของบรรดาอิมาม หรืออาจกล่าวได้ว่าวิถีชีอะฮ์ก็คือการจำแลงอิรฟานและการรู้จักพระเจ้าในรูปคำสอนของอิมามนั่นเอง ในยุคปัจจุบัน ไม่เพียงแต่สามารถจะขัดเกลาจิตใจและจาริกทางอิรฟานได้ หากแต่ต้องถือเป็นวาระจำเป็นเร่งด่วน เหตุเพราะการจะบรรลุถึงตักวาในยุคที่โลกเต็มไปด้วยเทคโนโลยีแห่งโลกิยะนั้น จะกระทำได้ต่อเมื่อเข้าถึงแก่นธรรมแห่งอิรฟานแล้วเท่านั้น ซึ่งจะสามารถพบแหล่งกำเนิดอิรฟานที่ถูกต้องและสูงส่งที่สุดได้ ณ แนวทางอิมามียะฮ์ ...
  • นมาซหมายถึงอะไร? เพราะเหตุใดเยาวชนจึงหลีกเลี่ยงการนมาซ
    14725 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/10/22
    นมาซ,คือขั้นสุดท้ายของการพัฒนาจิตวิญญาณของผู้ขัดเกลาทั้งหลาย ซึ่งเขาจะได้สัมผัสและสนทนากับพระเจ้าของตนโดยปราศจากสื่อกลางในการพูดอัลลอฮฺ (ซบ.) ตรัสไว้ในอัลกุรอานว่า : จงนมาซเถิด เพื่อจะได้ฟื้นฟูการรำลึกถึงฉัน และฉันจะรำลึกถึงพวกท่านโดยผ่านนมาซ ถ้าหากการรำลึกถึงอัลลอฮฺจะปรากฏออกมาโดยผ่านนมาซแล้วละก็, จะทำให้หัวใจของมนุษย์มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น, เนื่องจากการรำลึกถึงพระเจ้าจะทำให้จิตใจมีความเชื่อมั่น, ผู้นมาซทุกท่านเท่ากับได้ทำลายสัญชาติญาณแห่งความเป็นเดรัจฉานของตน และฟื้นฟูธรรมชาติแห่งความเป็นมนุษย์ของตนเองให้มีชีวิตชีวา,คุณลักษณะพิเศษของนมาซ, คือการฟื้นฟูธรรมชาติแห่งตัวตน,ผู้นมาซทุกคนที่ได้รับความมั่นใจ และความสงบอันเกิดจากนมาซ จะไม่แสดงความอ่อนไหวต่อสภาพชีวิตการเป็นอยู่ จะไม่แสดงความอ่อนแอแม้จะอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่และมีความลำบากยิ่ง ถ้าหากมีความดีงามมาถึงยังพวกเขา, พวกเขาจะไม่กีดกันและจะไม่หวงห้ามสำหรับคนอื่นนมาซคือ เกาซัร (สระน้ำ) ...
  • อัลกุรอานเป็นความมหัศจรรย์ในสามลักษณะ : ก.คำ, ข. เนื้อหา, ค.ผู้นำอัลกุรอานมาเผยแผ่ และทั้งสามลักษณะบ่งบอกว่าอัลกุรอานมาจากพระเจ้าได้เพียงมากน้อยเพียงใด ?
    8342 วิทยาการกุรอาน 2553/10/11
    คำถามนี้ไม่มีคำตอบแบบสั้น โปรดเลือกปุ่มคำตอบที่สมบูรณ์ ...
  • จุดประสงค์ของโองการที่ 85-87 บทอัลฮิจญฺร์ คืออะไร?
    6768 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/05/17
    อัลลอฮฺ (ซบ.) กล่าวในโองการโดยบ่งชี้ให้เห็นถึง, ความจริงและการมีเป้าหมายในการชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินของพระองค์ ทรงแนะนำแก่ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ว่า จงแสดงความรักและความห่วงใยต่อบรรดาผู้ดื้อรั้น, พวกโง่เขลาทั้งหลาย, บรรดาพวกมีอคติ, พวกบิดพลิ้วที่ชอบวางแผนร้าย, พวกตั้งตนเป็นปรปักษ์ด้วยความรุนแรง, และพวกไม่รู้, จงอภัยแก่พวกเขา และจงแสดงความหวังดีต่อพวกเขา ในตอนท้ายของโองการ อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปลอบใจท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) และให้กำลังใจท่าน ว่าไม่ต้องเป็นกังวลหรือเป็นห่วงในเรื่องความรุนแรงจากฝ่ายศัตรู ผู้คนจำนวนมากกว่า สิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีกว่า และทรัพย์สินจำนวนมากมายที่อยู่ในครอบครองของพวกเขา, เนื่องจากอัลลอฮฺ ทรงมอบความรัก ความเมตตา และเหตุผลในการเป็นศาสดาแก่ท่าน ซึ่งไม่มีสิ่งใดบนโลกนี้จะดีและเสมอภาคกับสิ่งนั้นโดยเด็ดขาด ...
  • การรู้พระเจ้าเป็นไปได้ไหมสำหรับมนุษย์ ขอบเขตและคุณค่าของการรู้จักมีมากน้อยเพียงใด ?
    7158 เทววิทยาดั้งเดิม 2553/12/22
    มนุษย์สามารถรู้พระเจ้าด้วยวิธีการที่แตกต่างกันหลายวิธีซึ่งเป็นไปได้ที่การรู้จักอาจผ่านเหตุผล (สติปัญญา)หรือผ่านทางจิตใจบางครั้งอาจเป็นเหมือนปราชญ์ผู้ชาญฉลาดซึ่งรู้จักโดยผ่านทางความรู้ประจักษ์หรือการช่วยเหลือทางความรู้สึกและสิตปัญญาในการพิสูจน์จนกระทั่งเกิดความเข้าใจหรือบางครั้งอาจเป็นเหมือนพวกอาริฟ (บรรลุญาณ),รู้จักเองโดยไม่ผ่านสื่อเป็นความรู้ที่ปรากฏขึ้นเองซึ่งเรียกว่าจิตสำนึกตัวอย่างเช่นการค้นพบการมีอยู่ของไฟบางครั้งผ่านควันไฟที่พวยพุ่งขึ้นทำให้เกิดความเข้าใจหรือเวลาที่มองเห็นไฟทำให้รู้ได้ทันทีหรือเห็นรอยไหม้บนร่างกายก็ทำให้รู้ได้เช่นกันว่ามีไฟ

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60084 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    57473 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42165 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    39265 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    38910 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    33969 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    27985 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    27906 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    27730 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    25745 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...