การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
6803
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/12/10
 
รหัสในเว็บไซต์ fa10515 รหัสสำเนา 19581
คำถามอย่างย่อ
กรุณาอธิบายเกี่ยวกับสายรายงานและเนื้อหาของซิยารัตอาชูรอ
คำถาม
กรุณาอธิบายเกี่ยวกับสายรายงานและเนื้อหาของซิยารัตอาชูรอ
คำตอบโดยสังเขป

แหล่งอ้างอิงหลักของซิยารัตบทนี้ก็คือหนังสือสองเล่มต่อไปนี้ กามิลุซซิยารอต ประพันธ์โดยญะฟัร บิน มุฮัมมัด บิน กุละวัยฮ์ กุมี (เสียชีวิตฮ..348) และ มิศบาฮุ้ลมุตะฮัจญิดีน ของเชคฏูซี (..385-460) ตามหลักบางประการแล้ว สายรายงานของอิบนิกูละวัยฮ์เชื่อถือได้ แต่สำหรับสายรายงานที่ปรากฏในหนังสือมิศบาฮุ้ลมุตะฮัจญิดีนนั้น ต้องเรียนว่าหนังสือเล่มนี้นำเสนอซิยารัตนี้ผ่านสองสายรายงาน ซึ่งสันนิษฐานได้สามประการเกี่ยวกับผู้รายงานฮะดีษ หนึ่ง: น่าเชื่อถือ
สอง: เป็นนักรายงานที่เชื่อถือได้ แต่อยู่ในชั้นเดียวกันกับนักรายงานที่ไม่มีการรับประกันความน่าเชื่อถือ
สาม: มีเบาะแสบ่งบอกว่าเป็นนักรายงานที่น่าเชื่อถือ
สรุปแล้ว สายรายงานของซิยารัตอาชูรอถือว่าเศาะฮี้ห์ไร้ข้อเคลือบแคลง
ส่วนในแง่เนื้อหาที่มีการตั้งข้อสงสัยเนื่องจากมีคำละอ์นัตบนีอุมัยยะฮ์ทั้งตระกูล เราได้ชี้แจงรายละเอียดไว้แล้วในเว็บไซต์นี้ เพื่อทราบรายละเอียด กรุณาอ่านเพิ่มเติมจากคำตอบแบบสมบูรณ์

คำตอบเชิงรายละเอียด

ซิยารัตอาชูรอเป็นมรดกตกทอดมาจากอิมามบากิรและอิมามศอดิก(.) ฉะนั้น ควรจะเป็นที่ยอมรับทั้งในแง่สายรายงาน ส่วนในแง่เนื้อหาก็จะต้องไม่ขัดต่อคำสอนของกุรอานและฮะดีษอื่นๆ ซึ่งหากมิได้เป็นเช่นนี้ ก็ไม่สามารถจะนับเป็นฮะดีษที่น่าเชื่อถือได้ บทวิเคราะห์ต่อไปนี้จะกล่าวถึงทั้งสองแง่มุมอย่างสังเขป:

 หนึ่ง. สายรายงานซิยารัตอาชูรอ:
แหล่งอ้างอิงหลักของซิยารัตดังกล่าวก็คือหนังสือสองเล่ม: กามิลุซซิยารอต ประพันธ์โดยญะฟัร บิน มุฮัมมัด บิน กุละวัยฮ์ กุมี (เสียชีวิตฮ..348) และ มิศบาฮุ้ลมุตะฮัจญิดีน ของเชคฏูซี (..385-460) ฉะนั้น ควรต้องพิจารณาหนังสือกามิลุซซิยารอตและมิศบาฮุ้ลมุตะฮัจญิดีนตามลำดับ

1-1. หนังสือกามิลุซซิยารอต อิบนิ กูละวัยฮ์
อิบนิ กูละวัยฮ์ กล่าวถึงผลบุญของซิยารัตอาชูรอดังนี้

حَدَّثَنِی حَکِیمُ بْنُ دَاوُدَ بْنِ حَکِیمٍ وَ غَیرُهُ عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ مُوسَى الْهَمْدَانِی عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ خَالِدٍ الطَّیالِسِی عَنْ سَیفِ بْنِ عَمِیرَةَ وَ صَالِحِ بْنِ عُقْبَةَ جَمِیعاً عَنْ عَلْقَمَةَ بْنِ مُحَمَّدٍ الْحَضْرَمِی، وَ مُحَمَّدِ بْنِ إِسْمَاعِیلَ عَنْ صَالِحِ بْنِ عُقْبَةَ عَنْ مَالِکٍ الْجُهَنِی عَنْ أَبِی جَعْفَرٍ الْبَاقِرِ ع قَالَ مَنْ زَارَ الْحُسَینَ ع یوْمَ عَاشُورَاءَ مِنَ الْمُحَرَّمِ...". و بعد در باره سند اصل زیارت عاشورا می‌گوید: قَالَ صَالِحُ بْنُ عُقْبَةَ الْجُهَنِی وَ سَیفُ بْنُ عَمِیرَةَ قَالَ عَلْقَمَةُ بْنُ مُحَمَّدٍ الْحَضْرَمِی فَقُلْتُ لِأَبِی جَعْفَرٍ (ع) عَلِّمْنِی دُعَاءً أَدْعُو بِهِ فِی ذَلِکَ الْیوْمِ...".

 

...อัลเกาะมะฮ์ บิน มุฮัมมัด ฮัฎเราะมี เล่าว่า ฉันกล่าวต่ออบูญะฟัร(.)ว่า "กรุณาสอนดุอาที่กระผมจะใช้อ่านขณะเยี่ยมเยียนใกล้กุโบรอิมามฮุเซน และกรุณาสอนดุอาที่กระผมจะใช้อ่านจากแดนไกลบนดาดฟ้าเมื่อต้องการจะให้สลามแด่ท่านอิมาม"
ท่านตอบว่า "โอ้ อัลเกาะมะฮ์ หลังจากที่เธอให้สลามแด่ท่านอิมามฮุเซน และนมาซสองเราะกะอัตแล้ว จงกล่าวซิยารัตท่านอิมามฮุเซนในวันอาชูรอว่า: ศานติยังท่าน โอ้อบาอับดิลลาฮ์ ศานติยังท่าน โอ้บุตรของศาสนทูตของอัลลอฮ์ ศานติยังท่าน โอ้ผู้ที่พระองค์ทรงเลือกสรร บุตรของผู้ที่พระองค์ทรงเลือกสรร ศานติยังท่าน โอ้บุตรของอมีรุ้ลมุอ์มินีน และบุตรของประมุขแห่งเหล่าตัวแทน ศานติยังท่าน โอ้บุตรของฟาฏิมะฮ์ นายหญิงแห่งปวงสตรีทั้งผอง..."[1]

สรุปได้ว่าที่ต้นทางของฮะดีษคือ อัลเกาะมะฮ์ บิน มุฮัมมัด ฮัฎเราะมี และ มาลิก บิน อะอ์ยุน ญะฮ์นี ซึ่งรายงานจากอิมามมะอ์ศูม ทั้งสองสายดังกล่าวรายงานผ่านศอลิห์ บิน อะเกาะบะฮ์ โดยที่สายหนึ่งมีชื่อ สัยฟ์ บิน อุมัยเราะฮ์ปรากฏอยู่ แต่อีกสายหนึ่งไม่มีบุคคลนี้
สายรายงานชั้นต้นก็คือศอลิห์ บิน อะเกาะบะฮ์ และสัยฟ์ บิน อุมัยเราะฮ์ รายงานจากอัลเกาะมะฮ์ บิน ฮัฎเราะมี จากอิมามบากิร(.) สรุปคือ ฮะดีษนี้มีสามสายรายงานดังต่อไปนี้:
. ฮะกีม บิน ดาวู้ด บิน ฮะกีม และคนอื่นๆ จาก มุฮัมมัด บิน มูซา ฮัมดานี จาก มุฮัมมัด บิน คอลิด เฏาะยาลิซี จาก สัยฟ์ บิน อุมัยเราะฮ์ จาก อัลเกาะมะฮ์ บิน มุฮัมมัด ฮัฎเราะมี
. ฮะกีม บิน ดาวู้ด บิน ฮะกีม และคนอื่นๆ จากมุฮัมมัด บิน มูซา ฮัมดานี จาก มุฮัมมัด บิน คอลิด เฏาะยาลิซี จาก ศอลิห์ บิน อะเกาะบะฮ์ จาก อัลเกาะมะฮ์ บิน มุฮัมมัด ฮัฎเราะมี
. มุฮัมมัด บิน อิสมาอีล จาก ศอลิห์ บิน อะเกาะบะฮ์ จาก มาลิก ญะฮ์นี จาก อิมามบากิร 

สายรายงานที่สามมีข้อสันนิษฐานสองประการ
หนึ่ง. อิบนิ กูละวัยฮ์ รายงานซิยารัตนี้จากหนังสือของมุฮัมมัด บิน อิสมาอีล ดังที่เชคฏูซีก็รายงานจากหนังสือดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งในกรณีนี้ สายรายงานก็จะเชื่อมจากมุฮัมมัด บิน อิสมาอีลถึงศอลิห์ บิน อะเกาะบะฮ์
สอง. มุฮัมมัด บิน อิสมาอีล เชื่อมกับ มุฮัมมัด บิน คอลิด เฏาะยาลิซี ในกรณีนี้สายรายงานจะเป็นดังนี้:
ฮะกีม บิน ดาวู้ด, มุฮัมมัด บิน มูซา ฮัมดานี, มุฮัมมัด บิน คอลิด เฏาะยาลิซี, มุฮัมมัด บิน อิสมาอีล บิน บะซี้อ์, ศอลิห์ บิน อะเกาะบะฮ์, มาลิก ญะฮ์นี
แต่ข้อสันนิษฐานนี้ค่อนข้างจะเป็นไปได้ยาก เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าหนังสือของมุฮัมมัด บิน อิสมาอีล เป็นที่แพร่หลายในยุคนั้น ซึ่งเชคฏูซี และอิบนิ กูละวัยฮ์ ต่างก็รายงานจากหนังสือเล่มดังกล่าว

วิจารณ์สายรายงานของอิบนิ กูละวัยฮ์
อิบนิ กูละวัยฮ์ กล่าวถึงหนังสือของตนในอารัมภบทว่า
ฉันมิได้มีความรู้ครอบคลุมฮะดีษทุกบทที่รายงานจากอะฮ์ลุลบัยต์เกี่ยวกับบทซิยารัตและเรื่องอื่นๆ แต่ทุกฮะดีษที่ฉันอ้างไว้ในหนังสือเล่มนี้ ล้วนรายงานจากมิตรสหายของเราที่เชื่อถือได้ และฉันไม่รายงานฮะดีษใดจากบุคคลนิรนาม ซึ่งมักจะรายงานเรื่องราวของบรรดาอิมามจากผู้ที่ไม่เป็นที่รู้จักในแง่ฮะดีษ และไม่คุ้นเคยกันในแวดวงวิชาฮะดีษ[2]
หลังจากที่เชค ฮุร อามิลีให้การยอมรับสายรายงานของตัฟซี้รอลี บิน อิบรอฮีมแล้ว ท่านกล่าวถึงสายรายงานของหนังสือกามิลุซซิยารอตว่า "ญะอ์ฟัร บิน มุฮัมมัด บิน กูละวัยฮ์ให้คำมั่นว่าสายรายงานที่ปรากฏในกามิลุซซิยารอตล้วนน่าเชื่อถือ และการฟันธงดังกล่าวค่อนข้างจะชัดเจนกว่ากรณีของอลี บิน อิบรอฮีม[3]

อย่างไรก็ดี ผู้รู้บางท่านเชื่อว่าประโยคดังกล่าวจะมีผลต่อนักรายงานคนแรกเท่านั้น นั่นก็คือผู้ที่อิบนิ กูละวัยฮ์รายงานโดยตรง[4] หลักคิดดังกล่าวเป็นที่ยอมรับของอายะตุลลอฮ์ คูอี้ในบั้นปลายชีวิตของท่าน[5] แม้ในอดีตท่านจะเคยกล่าวว่า "สำนวนนี้ระบุชัดเจนว่า อิบนิ กูละวัยฮ์ไม่เคยรายงานฮะดีษจากมะอ์ศูมีน นอกจากจะแน่ใจเสียก่อนว่าเป็นสหายของเราที่น่าเชื่อถือพอ[6]

อย่างไรก็ดี ควรวิเคราะห์นักรายงานฮะดีษเป็นรายบุคคลดังต่อไปนี้

ฮะกีม บิน ดาวู้ด บิน ฮะกีม
แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับการยืนยันความน่าเชื่อถือ แต่ก็มิได้ถูกตั้งข้อสงสัย อีกทั้งผู้ประพันธ์หนังสือตะฮ์ซีบุลอะห์กามก็ได้รายงานฮะดีษจากบุคคลนี้ด้วย[7] มุฮัดดิษ นูรี ถือว่าเขาเป็นหนึ่งในครูบาด้านฮะดีษของอิบนิ กูละวัยฮ์[8] จากการที่เขาได้รับการยืนยันในภาพรวม และไม่มีใครตั้งข้อสงสัยเขา ก็ถือว่าไว้ใจได้

มุฮัมมัด บิน มูซา ฮัมดานี
บางคนถือว่าเขาไม่น่าเชื่อถือ[9] แต่มัรฮูมคูอี้ถือว่าคำยืนยันของอิบนิ กูละวัยฮ์เกี่ยวกับสายรายงานกามิลุซซิยารอตนับเป็นทัศนะที่มาหักล้าง และเนื่องจากมีการขัดแย้งกัน จึงปัดตกไปทั้งสองทัศนะ ผลก็คือ มุฮัมมัด บิน มูซา ถือเป็นมัจฮู้ล(นิรนาม)ในแง่วิชาริญ้าล[10]

มุฮัมมัด บิน คอลิด เฏาะยาลิซี และ มุฮัมมัด บิน อิสมาอีล บิน บะซี้อ์
เราจะกล่าวถึงสองคนนี้เป็นลำดับต่อไป

อะเกาะบะฮ์ บิน เกส กูฟี
เขาคือบิดาของศอลิห์ และเป็นสหายของอิมามศอดิก(.) สันนิษฐานว่าไม่มีใครยืนยันหรือปฏิเสธความน่าเชื่อถือของเขา[11]

มาลิก ญะฮ์นี
ดังที่กล่าวไปแล้ว มาลิก ญะฮ์นี คือผู้รายงานจากอิมาม(.)ในสายรายงานที่สอง ซึ่งเขาก็คือ มาลิก บิน อะอ์ยัน ญะฮ์นี สหายของอิมามบากิร(.) ซึ่งเชคมุฟี้ดกล่าวว่ามาลิกเป็นที่ยกย่องของท่านอิมาม(.)[12]

ข้อสรุปจากการวิจารณ์บุคคลเหล่านี้ก็คือ แม้เราไม่อาจจะพิสูจน์ความถูกต้องของสายรายงานนี้ได้ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างสิ้นเชิง เนื่องจากบางมาตรฐานเชื่อว่าสายรายงานนี้ไม่มีปัญหาใดๆ

1-2. หนังสือมิศบาฮุ้ลมุตะฮัจญิดีน ของเชคฏูซี
เชคฏูซีรายงานซิยารัตอาชูรอไว้ในหนังสือของตนผ่านสองสายรายงาน
1-2-1. สายรายงานแรกของเชคฏูซี
ท่านกล่าวถึงสายรายงานแรกว่า:

روى محمد بن إسماعیل بن بزیع عن صالح بن عقبه و سیف بن عمیره عن علقمه بن محمد الحضرمى «قلت لأبى جعفر: علمنى دعاءً أدعو به ذلک الیوم إذا أنا زُرته من قرب، و دعاءً ادعو به إذا لم أَزَره مِن قُرب و أَومات مِن بَعد البلاد، و من دارى بالسلام إلیه.  قال: فقال لى یا علقمه إذا أنت صلیت رکعتین

...อัลเกาะมะฮ์เล่าว่า ฉันกล่าวต่ออบูญะฟัร(.)ว่า "กรุณาสอนดุอาที่กระผมจะใช้อ่านขณะเยี่ยมเยียนใกล้กุโบรอิมามฮุเซน และกรุณาสอนดุอาที่กระผมจะใช้อ่านจากแดนไกลบนดาดฟ้าเมื่อต้องการจะให้สลามแด่ท่านอิมาม"
ท่านตอบว่า "โอ้ อัลเกาะมะฮ์ หลังจากที่เธอให้สลามแด่ท่านอิมามฮุเซน และนมาซสองเราะกะอัตแล้ว หลังจากนั้นให้สลามและชี้ไปยังกุโบรของท่านอิมาม จงกล่าวตักบี้รขณะชี้ และจงอ่านบทซิยารัตนี้ ซึ่งเป็นดุอาเดียวกันกับที่มะลาอิกะฮ์ใช้อ่านขณะซิยารัตท่านว่า ...ศานติยังท่าน โอ้อบาอับดิลลาฮ์...[13]

เกี่ยวกับสายรายงานข้างต้น จำเป็นต้องวิเคราะห์ประเด็นต่อไปนี้:

. สายรายงานของเชคฏูซีจนถึงมุฮัมมัด บิน อิสมาอีล บิน บะซี้อ์
เชคฏูซีรายงานฮะดีษข้างต้นจากหนังสือของมุฮัมมัด บิน อิสมาอีล บิน บะซี้อ์ และได้ระบุสายรายงานที่เชื่อมต่อหนังสือดังกล่าวดังนี้

محمد بن إسماعیل بن بزیع؛ له کتاب فی الحج، أخبرنا به ابن أبی‏ جید عن محمد بن الحسن بن الولید عن علی بن إبراهیم عن أبیه عن محمد بن إسماعیل

อิบนิ อบี ญัยด์ จาก มุฮัมมัด บิน ฮะซัน บิน วะลี้ด, จาก อลี บิน อิบรอฮีม กุมี, จากพ่อของเขา, จาก มุฮัมมัด บิน อิสมาอีล บิน บะซี้อ์[14]

ฉะนั้น สายรายงานของฮะดีษจะเป็นเช่นนี้ เชคฏูซี, อลี บิน อะหมัด บิน มุฮัมมัด บิน อบี ญัยด์, มุฮัมมัด บิน ฮะซัน บิน วะลี้ด, จาก อลี บิน อิบรอฮีม กุมี, จาก อิบรอฮีม, จาก มุฮัมมัด บิน อิสมาอีล บิน บะซี้อ์

กล่าวได้ว่าทุกคนในสายรายงานดังกล่าวล้วนเป็นที่ยอมรับของผู้เชี่ยวชาญวิชาริญ้าลทั้งสิ้น ครูบาฮะดีษเหล่านี้ล้วนน่าเชื่อถือ และไม่จำเป็นต้องสาธยายถึงสถานะดังกล่าว

มาถึงการวิจารณ์สายรายงานแรก
อิบนิ อบี ญัยด์ 
เป็นครูบาของเชคฏูซีและมัรฮูมนะญาชี ซึ่งครูบาของมัรฮูมนะญาชีล้วนเป็นที่ไว้วางใจของอุละมาอ์โดยไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์ ดังที่มัรฮูมคูอี้กล่าวว่า "สายรายงานของเชคศ็อฟฟ้ารนอกเหนือจากหนังสือบะศออิ้ร ถือว่าเศาะฮี้ห์ทั้งสิ้น สันนิษฐานว่าสายรายงานในหนังสือดังกล่าวก็น่าจะเป็นเช่นนั้นด้วย เนื่องจากมีชื่ออิบนิ อบี ญัยด์อยู่ ซึ่งเป็นผู้ที่น่าเชื่อถือ ทั้งนี้เพราะเขาเป็นครูบาฮะดีษของนะญาชี

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • เพราะเหตุใดพระเจ้าผู้ทรงสามารถปกปักรักษาอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) ในช่วงของการเร้นกายให้ปลอดภัยได้, แต่พระองค์มิทรงสัญญาเช่นนั้น เพื่อว่าท่านจะได้ปรากฏกาย และปกป้องท่านจากทุกภยันตราย
    6339 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/11/21
    หนึ่งในประเด็นสำคัญยิ่งที่ท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) และอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.) ได้ย้ำเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าแก่ประชาชาติคือ คือการทำลายล้างอำนาจการกดขี่ข่มเหง และการขุดรากถอนโคนความอธรรมโดยน้ำมือของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) ด้วยสาเหตุนี้เอง การดำรงอยู่ของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) จึงได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากชน 2 กลุ่ม, กลุ่มหนึ่งคือผู้ได้รับการอธรรมข่มเหงบนหน้าแผ่นดินหวังที่จะยื่นคำอุทรณ์และได้รับการสนับสนุน พวกเขาได้ชุมนุมกันเนื่องด้วยการดำรงอยู่ของท่านอิมาม ได้นำเสนอขบวนการและการต่อสู้ป้องกัน, กลุ่มที่สองคือ กลุ่มผู้อธรรมข่มเหง กลั่นแกล้งระราน ผู้ชอบการนองเลือดคอยควบคุมและกดขี่ประชาชาติผู้ด้อยโอกาส และเพื่อไปถึงยังผลประโยชน์ส่วนตัว และรักษาตำแหน่งของพวกเขาเอาไว้ พวกเขาจึงไม่กลัวเกรงการกระทำความชั่วร้าย และความลามกอนาจารใดๆ พวกเขาพร้อมที่จะให้ทุกประเทศเสียสละเพื่อตำแหน่งของพวกเขา คนกลุ่มนี้รู้ดีว่าการดำรงอยู่ของอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) คือผู้ที่จะมากีดขวางและขัดผลประโยชน์ และเจตนาชั่วร้ายของพวกเขา อีกทั้งจะทำให้ตำแหน่งผู้นำและผู้บัญชาการของพวกเขาตกอยู่ในอันตราย พวกเขาจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะขจัดท่านอิมามให้สูญสิ้นไป เพื่อพวกเขาจะได้ปลอดภัยจากภยันตรายอันใหญ่หลวงยิ่งนี้, แต่ทั้งหมดเหล่านี้ ถึงแม้ว่าอำนาจของอัลลอฮฺ (ซบ.) มิได้ถูกจำกัดให้คับแคบลงแต่อย่างใด เพียงแต่พระองค์ประสงค์ให้ทุกภารกิจการงานดำเนินไปตามธรรมชาติและหลักการทั่วไป มิได้เป็นเงื่อนไขเลยว่า เพื่อปกปักรักษาบรรดาศาสดา อิมามผู้บริสุทธิ์ และศาสนาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ พระองค์จะหยุดยั้งการใช้วิธีการ สื่อ เครื่องมือ เหตุผล ...
  • ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์มีบุคลิกภาพด้านใดบ้าง?
    11466 ชีวประวัติมะอฺซูม (อ.) 2554/09/22
    มิติบุคลิกภาพด้านต่างๆของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ลึกซึ้งและละเอียดอ่อนในลักษณะที่จะต้องได้รับการพินิจพิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนเท่านั้นจึงจะสามารถประจักษ์ได้ซึ่งการนี้จะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อมีการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับมิติด้านศีลธรรมและจิตใจความรู้และการต่อสู้ของนางทั้งในเชิงการเมืองและสังคมขอหยิบยกบุคลิกภาพอันโดดเด่นของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(ที่กล่าวถึงในตำราฝ่ายซุนหนี่และชีอะฮ์)มานำเสนอโดยสังเขปดังนี้1. ท่านหญิงใช้ชีวิตเรียบง่ายและพอใจวิถีชีวิตสมถะทั้งที่สามารถจะได้รับความสะดวกสบายขั้นสูงสุด2. บริจาคของรักของตนมากมายทั้งที่ยังจำเป็นต้องใช้3. ทำอิบาอะฮ์และวิงวอนต่ออัลลอฮ์สม่ำเสมอด้วยความบริสุทธิใจ4. เป็นภาพลักษณ์แห่งจริตกุลสตรีและความเหนียมอาย5. แบบฉบับที่สมบูรณ์ด้านการสวมฮิญาบตามวิถีอิสลาม6. มีความรู้อันกว้างขวางซึ่งประจักษ์ได้จากการรับทราบเนื้อหาในตำรา"มุศฮัฟฟาฏิมะฮ์"7.
  • ใครคือผู้ฝังร่ายอันบริสุทธ์ของอิมามฮุเซน (อ.)
    7389 تاريخ بزرگان 2554/11/29
    บรรดาผู้รู้มีทัศนะเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวแตกต่างกันออกไปแต่ทัศนะที่สอดคล้องกับริวายะฮ์และตำราทางประวัติศาสตร์ก็คือทัศนะที่ว่าอิมามซัยนุลอาบิดีนบุตรชายของท่านอิมามฮุเซน (อ.) เป็นผู้ฝังศพของท่านณแผ่นดินกัรบะลากล่าวคือ  ท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน (อ.) ได้ล่องหนจากคุกของอิบนิซิยาดในกูฟะฮ์มายังกัรบาลาโดยใช้พลังเร้นลับเพื่อมาทำการฝังศพท่านอิมามฮุเซน (อ.) ผู้เป็นบิดาของท่านและบรรดาชะฮีดเนื่องจากมีกฎเกณฑ์ที่ว่า“ไม่มีใครสามารถอาบน้ำศพห่อกะฝั่นและฝังอิมามมะอ์ศูมได้นอกจากจะต้องเป็นอิมามมะอ์ศูมเช่นกัน”อิมามริฏอ (อ.) ได้กล่าวขณะถกปัญหากับบุตรของอาบูฮัมซะฮ์ว่า“จงตอบฉันว่าฮุเซนบินอลี (อ.) เป็นอิมามหรือไม่? เขาตอบว่า“แน่นอนอยู่แล้ว” อิมามได้กล่าวว่า“แล้วใครเป็นผู้ฝังศพของท่าน?”เขาได้กล่าวว่า“อลีบินฮุเซน (อ.)” อิมามได้ถามต่อว่า“ในเวลานั้นอลีบินฮุเซน (อ.) อยู่ที่ไหน?” เขาตอบว่า“อยู่ที่กูฟะฮ์และเป็นเชลยที่ถูกบุตรของซิยาดควบคุมตัวอยู่แต่ท่านได้ลอบเดินทางยังกัรบาลาโดยที่ทหารที่เฝ้าเวรยามไม่รู้ตัว  ท่านได้ทำการฝังร่างของบิดาหลังจากนั้นจึงได้กลับมายังคุกเช่นเดิมอิมามริฎอ (อ.) กล่าวว่าผู้ที่มอบอำนาจพิเศษแก่อลีบินฮุเซน (อ.) เพื่อให้สามารถเดินทางไปฝังบิดาของท่านที่กัรบะลาพระองค์ย่อมสามารถช่วยให้ฉันล่องหนไปยังแบกแดดเพื่อห่อกะฝั่นและฝังบิดาได้เช่นกันทั้งๆที่ในขณะนั้นฉันไม่ได้ถูกจองจำและไม่ได้ตกเป็นเชลยของใคร[1]ดังนั้นเมื่อคำนึงถึงเนื้อหาฮะดิษดังกล่าวจึงกล่าวได้ว่าอิมามซัยนุลอาบิดีน (อ.) คือผู้ที่ฝังศพบิดาด้วยตัวของท่านเอง
  • บาปใหญ่จะได้รับการอภัยหรือไม่?
    17123 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/21
    บาปใหญ่คือบาปประเภทที่กุรอานหรือบทฮะดีษแจ้งว่าจะต้องถูกสำเร็จโทษ(แต่ก็ยังมีสิ่งชี้วัดอื่นๆที่บ่งบอกถึงบาปใหญ่) ทั้งนี้การฝืนกระทำบาปเล็กซ้ำหลายครั้งก็ทำให้บาปเล็กกลายเป็นบาปใหญ่ได้เช่นกันอย่างไรก็ดีอัลลอฮ์ได้ทรงให้สัญญาในกุรอานว่าจะทรงอภัยโทษบาปทุกประเภทโดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเตาบะฮ์อย่างถูกต้องเสียก่อนเตาบะฮ์ในกรณีสิทธิของอัลลอฮ์หมายถึงการชดเชยอะมั้ลอิบาดะฮ์ที่เคยงดเว้นประกอบกับการกล่าวอิสติฆฟารอย่างบริสุทธิใจส่วนเตาบะฮ์ในกรณีสิทธิของมนุษย์หมายถึงการกล่าวอิสติฆฟารคืนสิทธิแก่ผู้เสียหายและขอให้คู่กรณียกโทษให้ ...
  • อัลกุรอานที่อยู่ในมือของเรา ณ ปัจจุบันนี้ ได้ถูกรวบรวมตั้งแต่เมื่อใด?
    8854 วิทยาการกุรอาน 2553/10/21
    คำถามนี้ไม่มีคำตอบแบบสั้น โปรดเลือกปุ่มคำตอบที่สมบูรณ์ ...
  • อะไรคือสัญญาณของพระเจ้า ที่อยู่ในท้องฟ้าและแผ่นดิน?
    11651 เทววิทยาดั้งเดิม 2555/08/22
    ท้องฟ้าและแผ่นดิน และทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในนั้น ทว่าทุกสิ่งที่มีอยู่ในโลกทั้งหมดเป็นสัญญาณ ที่บ่งบอกให้เห็นพลานุภาพของพระเจ้า สัญญาณต่างๆ นั้นมีจำนวนมากมายมหาศาล ซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถคำนวณนับได้หมดสิ้น อัลกุรอาน ได้เชิญชวนมนุษย์ไปสู่การเรียนรู้จักสัญญาณเหล่านั้น ทั้งความกว้างไพศาล จำนวนกาแลคซี่ต่างๆ ระบบพลังงานแสงอาทิตย์, หมู่ดวงดาวต่างๆ และสิ่งมหัศจรรย์อีกจำนวนมากในนั้น การประสานกันของมวลเมฆ การเกิดฟ้าร้อง ฟ้าผ่า และฟ้าแลบ พร้อมประโยชน์มหาศาลของมัน การสร้างมนุษย์ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ ที่สลับซับซ้อนที่สุด ในขบวนการสร้างของพระองค์ การดำรงชีพและวัฎจักรชีวิตของผึ้ง และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงส่วนหนึ่งแห่งสัญญาณของพระองค์ ที่บ่งบอกให้เห็นความรู้ วิทยญาณ และความปรีชาญาณของพระองค์ ...
  • อะไรคือเหตุผลที่ต้องชำระคุมุสตามทัศนะชีอะฮ์ ต้องนำจ่ายแก่ผู้ใด และเหตุใดพี่น้องซุนหนี่จึงไม่ปฏิบัติ?
    8646 สิทธิและกฎหมาย 2554/06/28
    1. โองการที่กล่าวถึงศาสนกิจโดยเฉพาะนั้นมีไม่มากเมื่อเทียบกับกุรอานทั้งเล่มเนื่องจากกุรอานจะกล่าวถึงหัวข้อศาสนกิจอย่างกว้างๆเช่นนมาซศีลอด ...ฯลฯและปล่อยให้เป็นหน้าที่ของท่านนบี(
  • เพราะสาเหตุใดส่วนแบ่งมรดกของสตรีจึงได้เพียงครึ่งหนึ่งของชาย?
    6306 สิทธิและกฎหมาย 2554/04/21
    จากการศึกษาเกี่ยวกับหลักนิติศาสตร์อิสลามและประวัติความเป็นมาของค่าปรับจะเห็นว่าเป็นประเด็นที่มีความจำกัดพิเศษเกี่ยวกับเรื่องของเศรษฐศาสตร์โดยเฉพาะวัตถุประสงค์ได้ถูกกำหนดขึ้นเพื่อการชดเชยสิ่งที่เสียหายไปอีกด้านหนึ่งในสังคมซึ่งอิสลามได้พยายามที่จะเติมเต็มความสมบูรณ์หรือพยายามสร้างสังคมที่มีความสมบูรณ์จึงได้กำหนดกิจกรรมหลังของสังคมด้านเศรษฐศาสตร์ให้อยู่ในความรับผิดชอบของสังคมกล่าวคืออิสลามได้มองเรื่องเศรษฐศาสตร์ภาพรวมที่อยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายชายทำให้ได้รับผลอย่างหนึ่งว่าผู้ชายมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบบางหน้าที่ซึ่งฝ่ายหญิงได้รับการละเว้นเอาไว้ขณะที่หน้าที่รับผิดชอบที่สำคัญที่สุดสำหรับสตรีคนหนึ่งคือการจัดระบบและระเบียบเรื่องค่าใช้จ่ายและการเป็นอยู่ของครอบครัวถ้าพิจารณาอย่างรอบคอบในบทความนี้ท่านผู้อ่านสมารถเข้าใจเหตุผลได้อย่างง่ายดายว่า
  • เป็นไปได้ไหมที่จะอธิบาย อัรบะอีน, อิมามฮุซัยนฺ ให้ชัดเจน?
    8819 تاريخ بزرگان 2555/05/20
    เกี่ยวกับพิธีกรรมอัรบะอีน, สิ่งที่ปรากฏอยู่ในวัฒนธรรฒศาสนาของเรา, คือการรำลึกถึงช่วง 40 วัน แห่งการเป็นชะฮาดัตของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ซัยยิดุชชุฮะดา ซึ่งตรงกับวันที่ 20 เดือนเซาะฟัร, ท่านอิมามฮะซันอัสการียฺ (อ.) ได้กล่าวถึงสัญลักษณ์ของผู้ศรัทธา »มุอฺมิน« ไว้ 5 ประการด้วยกัน กล่าวคือ : การดำรงนมาซวันละ 51 เราะกะอัต, ซิยารัตอัรบะอีน, สวมแหวนทางนิ้วมือข้างขวา, เอาหน้าซัจญฺดะฮฺแนบกับพื้น และอ่านบิสมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม ในนมาซด้วยเสียงดัง[1] ทำนองเดียวกันนักประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า ท่านญาบิร บิน อับดุลลอฮฺ อันซอรียฺ,พร้อมกับอุฏ็อยยะฮฺ เอาฟีย์ ประสบความสำเร็จต่อการเดินทางไปซิยาเราะฮฺอิมามฮุซัยนฺ (อ.) หลังจากถูกทำชะฮาดัตในช่วง 40 วันแรก
  • ปัจจุบันสวรรค์และนรกมีอยู่หรือไม่ ?
    8699 เทววิทยาดั้งเดิม 2553/12/22
    พิจารณาจากโองการและรายงานต่างๆแล้วจะเห็นว่าสวรรค์และนรกที่ถูกสัญญาไว้มีอยู่แล้วในปัจจุบันซึ่งในปรโลกจะได้รับการเสนอขึ้นมาซึ่งมนุษย์ทุกคนจะถูกจัดส่งไปยังสถานที่อันเหมาะสมของแต่ละคนตามความเชื่อความประพฤติ

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60207 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    57679 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42288 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    39510 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39002 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34082 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28071 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28068 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    27912 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    25892 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...