การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
8205
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/12/08
 
รหัสในเว็บไซต์ fa7802 รหัสสำเนา 19550
คำถามอย่างย่อ
อิมามโคมัยนีเชื่อว่าการร่ำไห้และการไว้อาลัยแด่อิมามฮุเซน(อ.)สามารถรักษาอิสลามให้คงอยู่ถึงปัจจุบันไช่หรือไม่? เพราะเหตุใด?
คำถาม
อิมามโคมัยนีเคยกล่าวไว้หรือไม่ว่า การร่ำไห้และการไว้อาลัยแด่อิมามฮุเซน(อ.)สามารถรักษาอิสลามให้คงอยู่ถึงปัจจุบัน? เพราะเหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้น?
คำตอบโดยสังเขป

คำถามนี้ไม่มีคำตอบแบบสั้น ปรดเลือกปุ่มคำตอบที่สมบูรณ์

คำตอบเชิงรายละเอียด

อิมามโคมัยนีเน้นย้ำเสมอว่า การเสียสละของท่านอิมามฮุเซน(.)ทำให้อิสลามยังคงอยู่ และชี้ให้เห็นว่าการรักษาแนวทางของท่านอิมามฮุเซนมิให้ถูกบิดเบือน กระทำได้ด้วยการจัดมัจลิสไว้อาลัยเพื่อรำลึกถึงท่าน ดังที่ท่านเคยกล่าวว่า "การรวมตัวกันในวันอาชูรอ และการไว้อาลัยแด่ชะฮีดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ล้วนมีความจำเริญมหาศาล"[1]

"เดือนมุฮัรรอมและเศาะฟัรเป็นเดือนที่เปี่ยมด้วยความจำเริญ เดือนแห่งการพิทักษ์อิสลาม จึงต้องฟื้นชีวิตชีวาแก่สองเดือนนี้ด้วยการรำลึกถึงโศกนาฏกรรมของอะฮ์ลุลบัยต์(.) เพราะการรำลึกถึงโศกนาฏรรมนี้ช่วยให้แนวคิดของเรายังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน... มุฮัรรอมและเศาะฟัรนี่แหล่ะที่พิทักษ์อิสลามไว้ การเสียสละของประมุขแห่งเหล่าชะฮีดนี่แหล่ะ ที่ชุบชีวิตอิสลามให้สืบทอดถึงพวกเรา[2] ...ฯลฯ

ท่านอิมามโคมัยนีกล่าวถึงเหตุผลของมุมมองดังกล่าวในสุนทรพจน์หลายครั้งด้วยกัน อาทิเช่นสุนทรพจน์ต่อไปนี้
"
พวกเขาหวั่นกลัววันอาชูรอ, ช่วงมุฮัรรอมและเศาะฟัร, และช่วงเดือนเราะมะฎอน มัจลิสเหล่านี้แหล่ะที่ทำให้ประชาชนรวมตัวกัน หากมีสิ่งใดเป็นประโยชน์แก่อิสลาม หรือผู้ใดต้องการรับใช้อิสลาม สามารถประกาศไปทั่วประเทศผ่านนักคุตบะฮ์หรืออิมามญุมอะฮ์และญะมาอัต การรวมตัวกันภายใต้ร่มธงอิสลาม ร่มธงแห่งอิมามฮุเซน จะช่วยจัดระเบียบให้สังคม หากชาติมหาอำนาจต้องการจะระดมผู้คนในประเทศของตน ก็จะต้องเตรียมการอย่างยาวนานหลายวันและต้องทุ่มทุนมหาศาลเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เพื่อให้มีคนมาฟังการปราศัยที่เตรียมไว้สักห้าหมื่นหรือแสนคน แต่พวกท่านก็เห็นแล้วว่ามัจลิสไว้อาลัยเหล่านี้สามารถเชื่อมโยงผู้คนให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวได้ เพียงมีการจุดประเด็น ประชาชนผู้ไว้อาลัยอิมามฮุเซน(.)ก็จะรวมตัวกัน มิไช่แค่ระดับจังหวัด แต่เป็นการรวมตัวระดับประเทศ ไม่จำเป็นต้องเสียแรงโฆษณาใดๆทั้งสิ้น ขอแค่เป็นคำพูดของอิมามฮุเซนเพียงคำเดียวเท่านั้น ทุกคนจะรวมตัวกันโดยอัตโนมัติ จะเห็นได้ว่าอิมามบางท่าน(เข้าใจว่าอิมามบากิร) สั่งเสียให้มีใครสักคนไว้อาลัยแด่ท่านทุกปีที่มินา ไม่ไช่เพราะท่านอยากมีชื่อเสียง หรือมีผลประโยชน์ส่วนตัว สังเกตุจุดประสงค์ทางการเมืองของท่านให้ดี เพราะเมื่อผู้คนจากทั่วโลกเข้าสู่มินา จะได้มีผู้ที่เล่าโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับอิมามบากิรถึงขั้นลอบสังหารท่าน เพื่อให้เกิดกระแสตื่นตัวทั่วทุกแว่นแคว้น

พวกคลั่งตะวันตกอาจมองเราว่าเป็น"ชาติที่เอาแต่ร้องห่มร้องไห้" พวกเราบางคนอาจรับไม่ได้ว่าน้ำตาแค่หยดเดียวจะทำให้ได้รับผลบุญมากมายได้อย่างไร มัจลิสไว้อาลัยจะมีผลบุญมหาศาลได้อย่างไร บางคนรับไม่ได้ว่าเหตุใดดุอาแค่สองสามบรรทัดจะมีผลบุญมากขนาดนั้น จุดประสงค์ทางการเมืองของดุอาและการขอพรเหล่านี้ก็คือ ทำให้สามารถระดมประชาชนเพื่อบรรลุเป้าหมายที่อิสลามกำหนด มัจลิสไว้อาลัยไม่ได้มีไว้สำหรับร้องไห้ให้ท่านอิมามฮุเซนแล้วรับผลบุญไปเพียงเท่านั้น ประเด็นสำคัญก็คือจุดประสงค์ทางการเมือง ที่บรรดาอิมามของเราได้วางแนวทางไว้ตั้งแต่อิสลามยุคแรกจนถึงทุกวันนี้ นั่นก็คือการระดมประชาชนภายใต้ร่มธงเดียวกัน แนวคิดเดียวกัน และไม่มีเรื่องราวใดจะมีอิทธิพลต่อผู้คนได้เท่ากับการไว้อาลัยแด่อิมามฮุเซน(.)...

พวกท่านคิดหรือว่าเหตุการณ์ 15 โค้รด้อด (อันเป็นเชื้อไฟของการปฏิวัติ-ผู้แปล) จะเกิดขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งมัจลิสไว้อาลัย ไม่ต้องมีขบวนไว้อาลัย ไม่ต้องมีการมะตั่มและการขับโคลงกลอนไว้อาลัยอิมามฮุเซน ที่จริงแล้ว ไม่มีพลังใดจะทำให้เกิด 15 โค้รด้อดได้นอกจากพลังโลหิตของซัยยิดุชชุฮะดา ไม่มีอำนาจใดที่จะยับยั้งการโจมตีจากทุกทิศทุกทางของมหาอำนาจที่มีต่อประชาชนของเราได้นอกจากมัจลิสไว้อาลัย ในมัจลิสเหล่านี้มีการไว้อาลัยและเล่าโศกนาฏกรรมของประมุขของผู้ถูกกดขี่ ผู้ซึ่งต่อสู้และพลีชีพตนเองและญาติมิตรเพื่ออัลลอฮ์ ปัจจัยดังกล่าวได้บ่มเพาะให้วัยรุ่นก้าวสู่สนามรบและถวิลหาการเป็นชะฮีดอย่างภาคภูมิ และจะเสียใจหากมิได้เป็นชะฮีด ปัจจัยดังกล่าวได้บ่มเพาะให้เหล่าแม่บ้านที่เสียสละลูกชายไปแล้ว ยังคะยั้นคะยอว่าพร้อมจะพลีลูกชายที่เหลืออีก มัจลิสไว้อาลัยอิมามฮุเซน มัจลิสดุอา ดุอากุเมลและดุอาบทอื่นๆเท่านั้นที่สร้างแรงจูงใจได้เช่นนี้ และสามารถประคองฐานรากอิสลามให้ดำเนินบนวิถีทางเหล่านี้ต่อไปได้
และหากคนอื่นๆเข้าใจประเด็นข้างต้นว่ามัจลิสไว้อาลัยมีไว้เพื่ออะไร และเหตุใดการร้องไห้จึงมีผลบุญมากมาย เมื่อนั้นจะไม่ปรามาสเราว่าเป็น"ชนชาติที่เอาแต่ร้องห่มร้องไห้" แต่จะเรียกเราว่า "ชนชาติแห่งวีรกรรม" หากพวกเขาเข้าใจว่าอิมามซัยนุลอาบิดีน(.)ที่สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในกัรบะลา และอยู่ในยุคที่เผด็จการกุมอำนาจเบ็ดเสร็จนั้น ใช้อานุภาพแห่งบทดุอาปลุกระดมผู้คนได้เพียงใด พวกเขาคงไม่ถามว่า ดุอาเหล่านี้มีไว้เพื่ออะไร? หากนักวิชาการของเราเข้าใจแง่มุมทางการเมืองและสังคมของมัจลิสไว้อาลัยเหล่านี้ ดุอาและซิเกรเหล่านี้ แน่นอนว่าจะไม่ค่อนแคะว่ากระทำสิ่งเหล่านี้ไปเพื่ออะไร? เพราะต่อให้นักวิชาการที่นิยมตะวันตกและเหล่าผู้มีอิทธิพลผนึกกำลังกันเพียงใด ก็ไม่สามารถสร้างเหตุการณ์คล้าย 15 โค้รด้อดขึ้นมาได้ ผู้ที่สามารถกระทำเช่นนี้ได้ต้องเป็นผู้ที่ผู้คนยอมอยู่ใต้ร่มธงของท่านเท่านั้น...

ขอให้พี่น้องประชาชนเห็นคุณค่าของมัจลิสเหล่านี้ เพราะมัจลิสเหล่านี้จะช่วยพิทักษ์ประชาชาติ เน้นช่วงอาชูรอเป็นพิเศษ และจัดให้มีในช่วงเวลาอื่นๆตามสะดวก ถ้าหากนักวิชาการหัวตะวันตกรู้ถึงแง่มุมทางการเมืองของมัจลิสเหล่านี้ และตระหนักถึงผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง พวกเขานี่แหล่ะที่จะจัดมัจลิสไว้อาลัยอิมามฮุเซน(.) ฉันหวังว่าการจัดมัจลิสเหล่านี้จะพัฒนาขึ้นทั้งในแง่จำนวนและคุณภาพ ทุกภาคส่วนมีอิทธิพลต่อผู้ฟังทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้บรรยายที่มีชื่อเสียงไล่เรียงลงไปถึงนักอ่านบทกลอน ผู้ที่อ่านกลอนเพียงไม่กี่บท และผู้ที่เป็นนักบรรยายบนมิมบัร ล้วนมีอิทธิพลทางความคิดทั้งสิ้น แม้พวกเขาจะไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ مِنْ حِیْثُ لا یَشْعُرْ ..

กล่าวได้ว่าเราพัฒนาถึงขั้นที่สามารถปฏิวัติได้ในคราเดียว เสมือนการจุดระเบิดที่ไม่อาจหาที่ใดเปรียบปานได้ เราเคยเป็นชาติที่ต้องพึ่งพาชาติอื่นๆทุกด้าน ระบอบชาห์ทำให้เราสูญเสียทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกียรติยศศักดิ์ศรีของชาติ ทันใดนั้นก็เกิดแรงระเบิดขึ้นโดยประชาชน ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากมัจลิสไว้อาลัยที่สามารถระดมผู้คนให้รวมศูนย์ได้ ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่นักบรรยายและอิมามญุมอะฮ์และญะมาอัตควรจะอธิบายให้ประชาชนเข้าใจมากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาว่าเราเป็นชนชาติที่เอาแต่ร้องไห้ ทว่าที่ถูกต้องคือ เราเป็นชาติที่สามารถใช้น้ำตาโค่นบัลลังก์ที่ยืนยาวกว่า 2500 ปีเป็นผลสำเร็จ"[3]

เกี่ยวกับปรัชญาของการไว้อาลัยแด่อิมามฮุเซน(.)นั้น แนะนำให้หาอ่านจากบทความอื่นๆในเว็บไซต์นี้ อาทิเช่น คำถามที่ 348 และ 2302


[1] เศาะฮีฟะฮ์ อิมาม, เล่ม 13,หน้า 326, สถาบันเผยแพร่ผลงานของอิมามโคมัยนี,เตหราน,พิมพ์ครั้งที่สี่, 1386 (ศักราชอิหร่าน)

[2] อ้างแล้ว,เล่ม15,หน้า 330

[3] อ้างแล้ว,เล่ม 16,หน้า 344-348

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • ความต่างกิจกรรมของวิญญาณขณะนอนหลับ และสลบคืออะไร?
    16383 ปรัชญาอิสลาม 2555/09/29
    รูปแบบการปฏิสัมพันธ์ระหว่างร่างกายกับจิตวิญญาณขณะตื่นนอน กับการปฏิสัมพันธ์ขณะนอนหลับนั้นมีความแตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้ ตามคำสอนของอิสลามจึงได้เรียกการนอนหลับว่า เป็นพี่น้องของความตาย วิทยาศาสตร์แม้ว่าจะไม่มีข้อมูลการปฏิสัมพันธ์ระหว่างจิตวิญญาณกับร่างกายขณะนอนหลับ แต่สามารถค้นพบการเปลี่ยนแปลงและปฏิกิริยาบางอย่างทางร่างกายขณะนอนหลับได้ บนพื้นฐานของการค้นคว้านั้นและการทำสอบพบว่ามนุษย์มีการนอนหลับในสองระดับ ด้วยนามว่า REM และ Non REM ซึ่งทั้งสองมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยปกติแล้วการความฝันที่มักเกิดในระดับของ Non REM เกิดจากการหลับลึกซึ่งจะไม่อยู่ในความทรงจำ แต่เฉพาะการนอนหลับในระ REM เท่านั้นที่จะคงอยู่ในความทรงจำ ส่วนการสลบหมดสติเกิดจากการเบี่ยงเบนของวิญญาณ และเป็นการหลับที่ลุ่มลึกมาก ทำให้เขาไม่มีความทรงจำอันใดหลงเหลืออยู่ ...
  • ตักวาหมายถึงอะไร?
    17805 จริยธรรมทฤษฎี 2555/01/23
    ตักว่าคือพลังหนึ่งที่หยุดยั้งจิตด้านในซึ่งการมีอยู่ของมนุษย์คือสาเหตุของการมีพลังนั้นและพลังดังกล่าวจะพิทักษ์ปกป้องมนุษย์ให้รอดพ้นจากการกระทำความผิดฝ่าฝืนต่างๆความสมบูรณ์ของตักวานอกจากจะช่วยทำให้มนุษย์ห่างไกลจากความผิดบาปและการก่ออาชญากรรมต่างๆ
  • เหตุใดจึงเรียกอิมามฮุเซนว่าษารุลลอฮ์?
    7333 จริยธรรมทฤษฎี 2554/12/11
    ษารุลลอฮ์ให้ความหมายว่าการชำระหนี้เลือดแต่ก็สามารถแปลว่าเลือดได้เช่นกันตามความหมายแรกอิมามฮุเซนได้รับฉายานามนี้เนื่องจากอัลลอฮ์จะเป็นผู้ทวงหนี้เลือดให้ท่านแต่หากษารุลลอฮ์แปลว่า"โลหิตพระเจ้า" การที่อิมามได้รับฉายานามดังกล่าวเป็นไปตามข้อชี้แจงต่อไปนี้:1. "ษ้าร"เชื่อมกับ"อัลลอฮ์"เพื่อให้ทราบว่าเป็นโลหิตอันสูงส่งเนื่องจากเป็นการเชื่อมคำในเชิงยกย่อง2.มนุษย์ที่บรรลุสู่ความสมบูรณ์ในระดับใกล้ชิดทางภาคบังคับต่างก็เป็นหัตถาพระเจ้าชิวหาพระเจ้าและโลหิตพระเจ้าหมายถึงถ้าหากพระองค์ทรงประสงค์จะทำสิ่งใดมนุษย์ผู้นี้จะเป็นดั่งพระหัตถ์หากทรงประสงค์จะตรัสเขาจะเป็นดั่งชิวหาและหากพระองค์ทรงประสงค์จะพิทักษ์ศาสนาของพระองค์ด้วยโลหิตเขาจะเป็นดั่งโลหิตพระองค์อิมามฮุเซน(อ.)เป็นดั่งโลหิตพระองค์เนื่องจากโลหิตของท่านช่วยชุบชีวิตแก่ศาสนาของพระองค์เราเชื่อว่าความหมายแรกเป็นความหมายที่เหมาะสมกว่าแต่ความหมายที่สองก็เป็นคำธิบายที่น่าสนใจเช่นกันโดยเฉพาะหากเป็นผู้ที่อยู่ในแวดวงจาริกทางจิตอาจทำให้เข้าใจได้ลึกซึ้งกว่า ...
  • อัลลอฮฺคือสาเหตุที่แท้จริงของการอธรรม และผู้อธรรมหรือ?
    11254 เทววิทยาดั้งเดิม 2555/09/29
    สำหรับคำตอบคำถามเหล่านี้ จำเป็นต้องพิจารณาประเด็นสำคัญเหล่านี้ก่อน 1.รากที่มาของการอธรรมของผู้อธรรมทั้งหลาย สามารถสรุปได้ใน 4 ประเด็นดังนี้คือ 1.ความโง่เขลา 2. การเลือกสรร 3. ความประพฤติอันเลวทราม 4. ความอ่อนแอไร้สามารถ, แต่อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ไม่ความอธรรมใดๆ ในพระองค์ ด้วยเหตุนี้ สำหรับพระองค์แล้วคือ ผู้ยุติธรรม ซึ่งเป็นหน่วยเนื้อเดียวกันกับความยุติธรรม และเนื่องจากพระองค์ทรงรอบรู้ และทรงยุติธรรม ภารกิจของพระองค์จึงวางอยู่บนความยุติธรรม และวิทยปัญญาเท่านั้น 2.อัลลอฮฺ ทรงสร้างมนุษย์มาในลักษณะเดียวกัน และได้ประทานแนวทางแห่งการชี้นำทางแก่พวกเขา และทั้งหมดมีสิทธิที่จะเลือกสรรด้วยตนเอง ซึ่งมีบางกลุ่มด้วยเหตุผลนานัปการ หรือมีปัจจัยหลายอย่างเป็นแรงจูงใจให้พวกเขาเลือกหนทางหลงผิด และการอธรรม บางกลุ่มพยายามต่อสู้ชนิดขุดรากถอนโคนการอธรรม ที่แฝงเร้นอยู่ในใจของตนเอง พวกเขามุ่งไปสู่หนทางแห่งการชี้นำ และความยุติธรรม พยามประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่ดี ไม่ว่าอย่างไรก็ตามรากที่มาของคำถามเหล่านี้ ล้วนมาจากความคิดที่ว่ามนุษย์ได้รับการบีบบังคับให้เป็นเช่นนั้น หรือที่เรียกว่าพรหมลิขิต ทั้งที่เหตุผลของพรหมลิขิตมิเป็นที่ยอมรับแต่อย่างใด เราเชื่อตามคำสอนของศาสนา ...
  • ท่านอับบาสอ่านกลอนปลุกใจว่าอย่างไรขณะกำลังนำน้ำมา
    8982 ชีวประวัตินักปราชญ์ 2554/12/25
    คำถามนี้ไม่มีคำตอบแบบสั้น ปรดเลือกปุ่มคำตอบที่สมบูรณ์ ...
  • ข้อแตกต่างระหว่างมะอ์นะวียัตในอิสลามและคริสตศาสนา
    6859 เทววิทยาใหม่ 2554/10/24
    คุณค่าของมะอ์นะวียัตของแต่ละศาสนาขึ้นอยู่กับคุณค่าของศาสนานั้นๆคำสอนของคริสตศาสนาบางประการขัดต่อสติปัญญาโดยที่ชาวคริสเตียนเองก็ยอมรับเช่นนั้นมะอ์นะวียัตที่ได้จากคำสอนเช่นนี้ก็ย่อมมีข้อผิดพลาดเป็นธรรมดาและนี่คือข้อแตกต่างหลักระหว่างมะอ์นะวียัตของอิสลามและคริสตศาสนากล่าวคือโดยพื้นฐานแล้วมะอ์นะวียัตของคริสต์ไม่อาจเป็นที่ยอมรับได้เมื่อพิจารณาถึงแหล่งเนื้อหาที่มีบางจุดขัดต่อสติปัญญาทำให้ไม่สามารถจะนำพาสู่ความผาสุกได้อย่างไรก็ดีสภาพมะอ์นะวียัตของตะวันตกในปัจจุบันย่ำแย่ไปกว่ามะอ์นะวียัตดั้งเดิมของคริสตศาสนาเสียอีกในขณะที่มะอ์นะวียัตของอิสลามนั้นได้รับอิทธิพลจากคำสอนจากวิวรณ์
  • ผู้มีญุนุบที่ได้ทำตะยัมมุมแทนการอาบน้ำยกหะดัสใหญ่ สามารถเข้ามัสยิดได้หรือไม่?
    6954 สิทธิและกฎหมาย 2554/08/08
    ผู้ที่มีญุนุบที่อยู่ในเงื่อนไขที่สามารถทำตะญัมมุมแทนการอาบน้ำยกหะดัสใหญ่นั้นหลังจากที่ได้ทำการตะยัมมุมแทนการอาบน้ำยกหะดัสใหญ่แล้วก็สามารถเข้าไปในมัสยิดเพื่อร่วมทำนมาซญะมาอัตหรือฟังบรรยายธรรมได้ท่านอิมามโคมัยนีได้ให้คำตอบเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า: “ผลพวงทางด้านชาริอะฮ์ที่เกิดขึ้นจากการอาบน้ำยกหะดัสใหญ่จะมีในกรณีการทำการตะยัมมุมทดแทนเช่นกันนอกจากกรณีการตะยัมมุมทดแทนด้วยเหตุผลที่จะหมดเวลานมาซมัรญะอ์ท่านอื่นๆก็มีทัศนะนี้เช่นเดียวกัน
  • ความสำคัญ และปรัชญาของการจัดพิธีกรรมรำลึกถึงท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) คืออะไร?
    7696 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/12/20
    สำหรับการติดตามผลอย่างมีนัยของการให้ความสำคัญและปรัชญาของการจัดพิธีกรรมรำลึกถึงท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) จำเป็นต้องพิจารณาประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้:1. ...
  • กาสาบานต่อท่านศาสดาและอิมามในเดือนรอมฎอนคือ สาเหตุทำให้ศีลอดเสียหรือ?
    7299 สิทธิและกฎหมาย 2555/07/16
    การสาบาน มิใช่หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ศีลอดเสีย แต่ถ้าได้สาบานโดยพาดพิงสิ่งโกหกไปยังอัลลอฮฺ (ซบ.) ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) และตัวแทนของท่านโดยตั้งใจ ซึ่งสาเหตุนี้เองที่กล่าวว่า เป็นการโกหกที่พาดพิงไปยังอัลลอฮฺ ศาสดา (ซ็อลฯ) และตัวแทนของท่าน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ศีลอดเสีย ส่วนคำสาบานต่างๆ ที่อยู่ในบทดุอาอฺไม่ถือว่าโกหก ทว่าเป็นการเน้นย้ำและอ้อนวอนให้ตอบรับดุอาอฺที่ขอต่ออัลลอฮฺ ซึ่งไม่ได้เป็นสาเหตุทำให้ศีลอดเสียแต่อย่างใด ...
  • ปรัชญาของการมีทาสในอิสลามคืออะไร? อิสลามมีวิธีการจัดการกับสิ่งเหล่าอย่างไร?
    12116 สิทธิและกฎหมาย 2555/08/22
    ถูกต้องบทบัญญัติเกี่ยวกับ การแต่งงานกับทาส, การเป็นมะฮฺรัมกับทาส, สัญญาซื้อขาย (ข้อตกลงที่จะปล่อยทาสเป็นไท) และ ...ได้ถูกกล่าวไว้ในอัลกุรอาน, การมีทาสได้รับการยืนยันว่ามีจริงในสมัยของท่านเราะซูล (ซ็อลฯ) และต้นยุคอิสลาม แต่จำเป็นต้องกล่าวว่าอิสลามมีโปรแกรมที่ละเอียดอ่อน และมีกำหนดเวลาในการปลดปล่อยทาสให้เป็นไท ซึ่งบั้นปลายสุดท้ายของทั้งหมดเหล่านั้นคือ การได้รับอิสรภาพเป็นไททั้งสิ้น ดังนั้นการเผชิญหน้าของอิสลามกับปัญหาเหล่านี้ จำเป็นต้องกล่าวถึงประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้: 1-อิสลามมิเคยเริ่มต้นปัญหาเรื่องทาส 2-อิสลามถือว่าปัญหาชะตากรรม และความเจ็บปวดใจของทาสในอดีตที่ผ่านมาคือ ปัญหาความล้าหลังอันยิ่งใหญ่ของสังคม 3-อิสลามได้วางโครงการที่ละเอียดอ่อน เพื่อปลดปล่อยทาสให้เป็นไท, เนื่องจากครึ่งหนึ่งของพลเมืองในสมัยก่อนเป็นทาสทั้งสิ้น, พวกเขาไม่มีอิสรเสรีในการประกอบอาชีพการงาน, ไม่มีปัจจัยสำหรับการดำเนินชีวิตต่อไป.ถ้าหากอิสลามได้มีคำสั่งต่อสาธารณชนว่าให้ทั้งหมดปล่อยทาสให้เป็นไท, ซึ่งเป็นไปได้ว่าส่วนใหญ่ของพวกเขาจะต้องสูญเสียชีวิต หรือไม่ชนส่วนใหญ่ก็จะต้องว่างงานไร้อาชีพ หิวโหย ถูกกีดกัน และพวกเขาต้องได้รับแรงกดดันจนกระทั่งเข้าทำร้ายและโจมตีในทุกที่ การประจัญบาน การนองเลือด และการทำลายกฎระเบียบของสังคมก็จะทวีความรุนแรงขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง อิสลามได้วางแผนการไว้อย่างละเอียด เพื่อดึงดูดสังคมให้ทาสเหล่านี้ได้รับอิสรภาพ และเป็นไทไปที่ละน้อย ซึ่งแผนการดังกล่าวมีองค์ประกอบหลายประการด้วยกัน ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60136 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    57576 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42222 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    39377 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    38954 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34008 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28026 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    27971 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    27808 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    25805 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...