การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
8359
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/12/03
 
รหัสในเว็บไซต์ fa7503 รหัสสำเนา 19415
หมวดหมู่ تاريخ بزرگان
คำถามอย่างย่อ
มะลาอิกะฮ์และญินรุดมาช่วยอิมามฮุเซน(อ.)จริงหรือไม่ และเหตุใดท่านจึงปฏิเสธ?
คำถาม
ดิฉันได้ยินผู้รู้ท่านหนึ่งเล่าว่า มีญินและมะลาอิกะฮ์จำนวนหนึ่งรุดมาช่วยเหลืออิมามฮุเซน(อ.)ที่กัรบะลา แต่อิมามปฏิเสธการช่วยเหลือ เรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนท่านอิมามจะออกสู่สนามรบไช่หรือไม่? มีแหล่งอ้างอิงใดระบุถึงเรื่องนี้? และหากเป็นเรื่องจริง เหตุใดท่านอิมามจึงปฏิเสธการช่วยเหลือดังกล่าว?
คำตอบโดยสังเขป

คำถามนี้ไม่มีคำตอบแบบสั้น ปรดเลือกปุ่มคำตอบที่สมบูรณ์

คำตอบเชิงรายละเอียด

 ตำราอ้างอิงบางเล่มรายงานฮะดีษที่ระบุว่าญินและมะลาอิกะฮ์ต่างก็เสนอตัวเพื่อช่วยเหลือท่านอิมามฮุเซน(.)
อย่างไรก็ดี พระองค์เคยส่งมะลาอิกะฮ์หรือญินมาช่วยเหลือบรรดานบี(.)ครั้งแล้วครั้งเล่า กุรอานกล่าวว่า "(จงรำลึกเถิด)เมื่อสูเจ้าวอนขอการช่วยเหลือจากพระองค์(เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในสงครามบะดัร) และพระองค์ทรงตอบรับ (และกล่าวว่า) ข้าจะช่วยเหลือสูเจ้าด้วยมะลาอิกะฮ์พันองค์ที่ลงมาเป็นลำดับ"
เหตุผลบางประการที่ทำให้ท่านไม่อาจรับความช่วยเหลือดังกล่าวได้ก็คือ
1. ท่ามกลางวิกฤติการณ์ในยุคของท่าน การฟื้นฟูประชาชาติของท่านนบี(..) จะเกิดขึ้นได้ด้วยการพลีชีพเท่านั้น
2. ความปรารถนาจะบรรลุถึงพระองค์
3. การพลีเป็นสิ่งที่กำหนดไว้แล้ว
4. การเป็นชะฮีดคือความตายที่มีคุณค่าและงดงามยิ่งสำหรับท่าน
5. เพื่อให้ปฏิบัติภารกิจที่พระองค์มอบหมายอย่างเป็นธรรมชาติ

คำตอบเชิงรายละเอียด: 

การประทานความช่วยเหลือแก่อิมามฮุเซน(.)
ตำราอ้างอิงบางเล่มรายงานฮะดีษจากบรรดามะอ์ศูมีน โดยกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ญินและมะลาอิกะฮ์แสดงความพร้อมที่จะช่วยเหลือท่านอิมามฮุเซน(.) เป็นต้นว่า เชคมุฟี้ด รายงานถึงอิมามศอดิกว่า ขณะที่อิมามฮุเซน(.)เดินทางออกจากมะดีนะฮ์ มีมะลาอิกะฮ์กลุ่มหนึ่ง และญินกลุ่มหนึ่งที่เป็นมุสลิมผู้สวามิภักดิ์ต่อท่าน ต่างแสดงความพร้อมที่จะช่วยเหลือท่านอิมามฮุเซน(.) แต่ท่านอิมามตอบกลุ่มเหล่านั้นว่า "ขอพระองค์ทรงตอบแทนความดีของพวกท่าน ฉันต้องรับผิดชอบภารกิจของตนเอง โดยมีการกำหนดเวลาและสถานที่ที่ฉันจะถูกสังหารไว้แล้ว" เหล่าญินกล่าวว่า "หากมิไช่เพราะท่านกำชับไว้ เราจะฆ่าศัตรูของท่านให้หมดสิ้น" ท่านอิมามตอบว่า "พวกเราสามารถกระทำการดังกล่าวได้ดีกว่าพวกท่าน แต่เราไม่เลือกที่จะกระทำ เนื่องจากต้องการให้ผู้ฉ้อฉลไม่มีข้ออ้างใดๆอีก และเพื่อให้การน้อมรับสัจธรรมเป็นไปด้วยเหตุผลและชัดเจน" [1]
นอกจากนี้ อิมามศอดิก(.)ยังกล่าวอีกว่า "ฉันเคยได้ยินพ่อเล่าว่า ขณะที่ท่านอิมามฮุเซนเผชิญหน้ากับอุมัร บิน สะอ์ด และสงครามกำลังจะเริ่มขึ้นนั้น อัลลอฮ์ได้ส่งการช่วยเหลือมายังท่านถึงขนาดที่กลายเป็นร่มเงาเหนือศีรษะของท่าน ท่านอิมามมีทางเลือกสองทางระหว่างชัยชนะเหนือศัตรูกับการบรรลุถึงพระผู้เป็นเจ้า และท่านเลือกที่จะบรรลุถึงพระองค์"[2]

ฮะดีษบางบทก็ระบุว่า มวลมะลาอิกะฮ์แสดงความพร้อมที่จะช่วยเหลืออิมามฮุเซน(.) โดยครั้งแรก พวกเขาขออนุญาตร่วมรบ แต่ท่านไม่อนุญาต เมื่อมะลาอิกะฮ์เหล่านี้กลับมาเป็นครั้งที่สองก็พบว่าท่านเป็นชะฮีดไปแล้ว ตัวอย่างฮะดีษประเภทนี้ได้แก่ฮะดีษจากอิมามศอดิก(.)ที่ว่า "มะลาอิกะฮ์สี่พันองค์ลงมาเพื่อจะร่วมรบเคียงข้างท่านอิมามฮุเซน(.) แต่ไม่ได้รับอนุญาต ต่อเมื่อลงมาอีกครั้งก็พบว่าอิมามฮุเซน(.)ถูกสังหารไปแล้ว..."[3]

สรุปคือ เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นจริง และมีการระบุไว้ชัดเจนในฮะดีษหลายบท โดยไม่มีผู้รู้ท่านใดปฏิเสธ ทั้งนี้ก็เนื่องจากมิได้ขัดต่อคำสอนหรือหลักศรัทธาข้อใดในอิสลาม อย่างไรก็ดี การที่พระองค์จะช่วยเหลือผ่านมะลาอิกะฮ์หรือกลุ่มญินนั้น เคยเกิดขึ้นในยุคของนบีท่านก่อนๆมาแล้ว กุรอานกล่าวว่า "(จงรำลึกเถิด)เมื่อสูเจ้าวอนขอการช่วยเหลือจากพระองค์ (เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในสงครามบะดัร) และพระองค์ทรงตอบรับ (และกล่าวว่า) ข้าจะช่วยเหลือสูเจ้าด้วยมะลาอิกะฮ์พันองค์ที่ลงมาเป็นลำดับ"[4] และดังกรณีการช่วยเหลือที่มุสลิมได้รับในสงครามอะห์ซาบ แต่บางกรณี การช่วยเหลือประเภทดังกล่าวก็ไม่เกิดขึ้นเนื่องจากความเหมาะสมบางประการ

เหตุใดท่านอิมามฮุเซน(.)จึงปฏิเสธการช่วยเหลือดังกล่าว?
สันนิษฐานว่าท่านอิมามฮุเซน(.)ไม่ยอมรับการช่วยเหลือดังกล่าวด้วยเหตุผลต่อไปนี้
1. เมื่อพิจารณาถึงสภาวะทางการเมืองในยุคของมุอาวิยะฮ์และยะซีด ซึ่งมีการกระทำผิดหลักศาสนาภายใต้หน้ากากของผู้พิทักษ์ศาสนา ทำให้ยากแก่การแยกแยะความถูกต้องออกจากการบิดเบือน หนทางเดียวที่จะสามารถฟื้นฟูศาสนาของอัลลอฮ์ได้ก็คือ การพลีชีวิตของอิมามฮุเซน(.) และญาติมิตรเท่านั้น[5]
2.
ฮะดีษหลายบทบ่งบอกว่าท่านอิมามฮุเซน(.)ได้รับการลิขิตให้เป็นชะฮีด เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายในการฟื้นฟูประชาชาติของท่านนบี(..)[6]ให้เป็นผลสำเร็จ
3.
อิมามฮุเซน(.)ถือว่าการเป็นชะฮีดคือการสิ้นชีพที่งดงามที่สุด สังเกตุได้จากคุตบะฮ์ของท่านขณะเดินทางจากมักกะฮ์สู่แผ่นดินอิรักที่ว่า "ความตายมีความงดงามสำหรับเผ่าพันธุ์นบีอาดัมเสมือนสร้อยที่ประดับประดาต้นคอหญิงสาว"[7] กล่าวคือ ความตายไม่ไช่สิ่งน่าเกลียดน่ากลัว แต่เป็นเครื่องประดับเสมือนสร้อยคอ แน่นอนว่าคนเราย่อมเลือกความตายในหนทางของอัลลอฮ์มาประดับประดาตนเอง สำหรับอิมามฮุเซน(.)แล้ว ความตายลักษณะนี้มีรสหอมหวานดุจน้ำผึ้ง[8] การเป็นชะฮีดมิไช่ภยันตราย ที่จะต้องร้องขอให้มะลาอิกะฮ์ช่วยให้พ้นภัยพาน ทว่าเป็นความสมบูรณ์ ดังกรณีของนบีอิบรอฮีม(.)ที่ถือว่าการเป็นชะฮีดคือความสมบูรณ์ ทำให้ไม่กลัวกองเพลิงและไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากญิบรออีล เพราะท่านรำลึกถึงพระองค์ตลอดเวลา[9]
4.
การบรรลุถึงพระเจ้าและโอกาสที่จะได้พบบรรดานบีเป็นสิ่งที่ท่านอิมามฮุเซน(.)ปรารถนายิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ยุคนั้น ดังที่ท่านกล่าวในคุตบะฮ์ที่มักกะฮ์ว่า "ความปรารถนาจะได้พบบรรพบุรุษของฉัน เสมือนความปรารถนาของนบียะอ์กู้บที่อยากพบนบียูซุฟ"[10]
5. อิมามฮุเซน(.)ไม่ประสงค์ที่จะใช้อภินิหาร ทั้งที่ท่านสามารถจะกำราบศัตรูได้ด้วยมุอ์ญิซาตหรืออภินิหารที่พระองค์ประทานให้ โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากมวลมะลาอิกะฮ์หรือเหล่าญินเลยแม้แต่น้อย แต่การใช้อภินิหารย่อมขัดต่อวิถีของปุถุชนทั่วไปที่ท่านอิมามยึดถือ เกียรติยศที่ท่านอิมามฮุเซน(.) มีในสายตาของมวลมุสลิมและเหล่าผู้เรียกร้องเสรีภาพทั่วไป ล้วนได้มาจากการที่ท่านต่อสู้ด้วยวิธีปกติ
การที่ท่านเดินทางพร้อมด้วยเครือญาติ เพื่อไปเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีกำลังพลมากกว่าหลายเท่า การที่เครือญาติของท่านตกเป็นเชลยศึกและถูกหมิ่นศักดิ์ศรีต่างๆนานา เหล่านี้เป็นเหตุให้การต่อสู้ของท่านเป็นอมตะ 



[1] อัลลามะฮ์มัจลิซี, บิฮารุลอันว้าร, เล่ม 44,หน้า 330, สถาบันอัลวะฟาอ์, เบรุต เลบานอน

[2] ซัยยิด อิบนิ ฏอวู้ส, ลุฮู้ฟ, หน้า 141, แปล: มีร อบูฏอลิบี และซัยยิด อบุลฮะซัน, สำนักพิมพ์ ดะลีเลมอ, กุม, พิมพ์ครั้งแรก

[3] เชคศ่อดู้ก, อะมาลี, แปล: มุฮัมมัด บากิร โคมเระอี, หน้า 638, อิสลามียะฮ์, เตหราน ... ยังมีฮะดีษที่คล้ายกันนี้ในกาฟีย์ด้วย, อัลกาฟีย์, เล่ม 1,หน้า 283,284

[4] อัลอันฟ้าล, 9

[5] ดู: มุฮัมมัดตะกี มิศบาห์ ยัซดี, สายฟ้าจากท้องฟ้ากัรบะลา, จากหน้า 44-66, สำนักพิมพ์สถาบันศึกษาและวิจัย อิมามโคมัยนี

[6] บิฮารุลอันว้าร,เล่ม 44,หน้า 329

[7] อ้างแล้ว,เล่ม 44,หน้า 366 และ มุฮัดดิษ อัรดะบีลี, กัชฟุ้ลฆุมมะฮ์ ฟี มะอ์ริฟะติลอะอิมมะฮ์,เล่ม 2,หน้า 29 และ ลุฮู้ฟ,หน้า 110,111

[8] ดู: .อับดุลลอฮ์ ญะวาดี ออโมลี, ความเจริญของปัญญาด้วยแสงแห่งการต่อสู้ของอิมามฮุเซน,หน้า 28-30

[9] อ้างแล้ว,หน้า 27

[10] บิฮารุลอันว้าร,เล่ม 44,หน้า 366 และ กัชฟุลฆุมมะฮ์ ฟี มะอ์ริฟะติลอะอิมมะฮ์,เล่ม 2,หน้า 29 และ ลุฮุ้ฟ,หน้า 110,111

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • ก่อนการปรากฏกายของท่านอิมามซะมาน (อ.) จะมีมัรญิอฺตักลีด 12 คน ในชีอะฮฺ ในอิสลามเกิดขึ้นใหม่ แต่หลังจากอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) ปรากฏกายแล้ว พวกเขาจถูกสังหาร 11 คน จะมีชีวิตเหลืออยู่เพียงแค่คนเดียว? โปรดแจ้งแจงประเด็นนี้ด้วย
    7079 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/11/21
    จำคำถามที่กล่าวมามีความเป็นไปได้ 2 กรณี. หนึ่งมัรญิอฺตักลีด 11 คน
  • ข้อความละอ์นัตในซิยารัตอาชูรอครอบคลุมถึงบุตรชายยะซีดด้วยซึ่งเป็นคนดี แล้วจะถือว่าซิยารัตนี้น่าเชื่อถือได้อย่างไร?
    7316 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2554/12/21
    ในซิยารัตอาชูรอมีการละอ์นัตกลุ่มบนีอุมัยยะฮ์ซึ่งรวมถึงบุตรชายยะซีดด้วยในขณะที่นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าบุตรชายของยะซีดและสมาชิกบนีอุมัยยะฮ์บางคนเป็นคนดีเนื่องจากเคยทำประโยชน์บางประการซึ่งย่อมไม่สมควรจะถูกละอ์นัตเพื่อชี้แจงข้อสงสัยดังกล่าวควรทราบว่าบนีอุมัยยะฮ์ในที่นี้หมายความเฉพาะผู้ที่มีความคิดเห็นสอดคล้องกันกับพวกเขาอันหมายถึงผู้กระทำผิดผู้วางเฉยผู้ปีติยินดี ... ฯลฯต่อการแย่งชิงสิทธิอันชอบธรรมของบรรดาอิมาม(อ.) ตลอดจนการสังหารท่านเหล่านั้นและสาวกหากคำนึงถึงประโยคก่อนและหลังท่อนดังกล่าวในซิยารัตอาชูรอก็จะเข้าใจจุดประสงค์ดังกล่าวได้ไม่ยากเนื่องจากบรรยากาศของซิยารัตบทนี้เต็มไปด้วยละอ์นัตและการสาปแช่งกลุ่มบุคคลที่ยึดครองตำแหน่งคิลาฟะฮ์และพยายามจะดับรัศมีของอัลลอฮ์โดยทำทุกวิถีทางเพื่อต่อกรกับอะฮ์ลุลบัยต์รวมไปถึงกลุ่มบุคคลที่ให้การสนับสนุนและพึงพอใจในพฤติกรรมของกลุ่มแรก ฉะนั้นในทางวิชาอุศู้ลแล้วเราถือว่าการยกเว้นบุคคลที่ดีออกจากนัยยะของคำว่าบนีอุมัยยะฮ์นั้นเป็นการยกเว้นประเภท “ตะค็อศศุศ” มิไช่ “ตัคศี้ศ” หมายความว่าคำว่าบนีอุมัยยะฮ์ไม่ครอบคลุมถึงบุคคลเหล่านี้ตั้งแต่แรกแล้วจึงไม่จำเป็นต้องยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ ...
  • ฮะดีษที่ว่า "อิมามทุกท่านมีสถานะและฐานันดรเทียบเคียงท่านนบี(ซ.ล.)"(อัลกาฟีย์,เล่ม 1,หน้า 270) เชื่อถือได้หรือไม่?
    7231 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/11/09
    แม้เหล่าผู้ปราศจากบาปทั้งสิบสี่ท่านจะบรรลุฐานันดรทางจิตวิญญาณอันสูงส่งแต่อย่างไรก็ดีท่านเราะซู้ล(ซ.ล.)คือผู้ที่มีสถานะสูงสุดและมีข้อแตกต่างบางประการที่อิมามมะอ์ศูมอื่นๆไม่มีดังที่ท่านอิมามศอดิก(อ.)กล่าวว่า "บรรดาอิมามเปรียบดั่งท่านนบี(ซ.ล.) เพียงแต่มิได้มีสถานะเป็นศาสนทูตและไม่สามารถกระทำบางกิจเฉกเช่นนบี (
  • การนั่งจำสมาธิคืออะไร? ชีอะฮฺมีทัศนะอย่างไรเกี่ยวกับการนั่งจำสมาธิ?
    9075 รหัสยปฏิบัติ 2557/05/20
    วัตถุประสงค่ของการนั่งจำสมาธิ (การอิบาดะฮฺ 40 วัน) คือการเดินจิตด้านใน, การจาริกจิต, การคอยระมัดระวังตนเองภายใน 40 วัน, เพื่อยกระดับและพัฒนาจิตด้านในของบุคคล เพื่อเตรียมพร้อมที่จำเป็น สำหรับการรองรับวิทยญาณและวิชาการของพระเจ้า ซึ่งนักเดินจิตด้านใน และปราชญ์ฝ่ายชีอะฮฺส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับประเด็นดังกล่าว ซึ่งวางอยู่บนพื้นฐานของโองการและรายงานฮะดีซ ด้วยเหตุนี้ การอิบาดะฮฺและการตั้งเจตนาด้วยความจริงใจและบริสุทธิ์ใจ ภายใน 40 วัน จึงถือว่าเป็นการปฏิบัติที่ดีที่สุด แต่สิ่งที่นักเดินจิตด้านในตักเตือนไว้คือ จงอย่าให้การนั่งจำสมาธิกลายเป็นเครื่องมือละทิ้งสังคม ปลีกวิเวกจนกลายเป็นความสันโดษ ...
  • เพราะเหตุใดจึงวาญิบต้องตักลีดกับมัรญิอฺ ?
    7854 สิทธิและกฎหมาย 2554/09/25
    จุดประสงค์ของ “การตักลีด” คือการย้อนไปสู่ภารกิจที่ตนไม่มีความเชี่ยวชาญในคำสั่งอันเฉพาะซึ่งต้องอาศัยความความเชี่ยวชาญพิเศษซึ่งเหตุผลที่สำคัญที่สุดสำหรับเรื่องการตักลีดเกี่ยวกับปัญหาศาสนาคือเหตุผลทางสติปัญญาที่ว่าผู้ไม่มีความรู้และไม่มีความเชี่ยวชาญปัญหาต้องปฏิบัติตามผู้มีความรู้และเชี่ยวชาญในปัญหานั้นแน่นอนทั้งอัลกุรอาน
  • มีการกล่าวถึงเงื่อนไขการทำความสะอาดด้วยแสงแดดว่า»ระยะห่างระหว่างพื้นดินกับอาคารซึ่งแสงแดดส่องไปถึงนั้น ภายในต้องไม่มีอากาศหรือสิ่งอื่นกีดขวางแสดงแดด... « ประโยคนี้หมายถึงอะไร ช่วยอธิบายด้วย?
    6061 สิทธิและกฎหมาย 2555/01/23
    คำอธิบาย:แสงแดด,
  • การรัจญฺอัตหมายถึงอะไร? ครอบคลุมบุคคลใดบ้าง? และจะเกิดขึ้นเมื่อใด?
    7327 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/09/25
    การรัจญฺอัตเป็นหนึ่งในความเชื่อของชีอะฮฺอิมามียะฮฺ, หมายถึงการกลับมายังโลกมนุษย์, ภายหลังจากได้ตายไปแล้วและก่อนที่จะถึงวันฟื้นคืนชีพซึ่งจะเกิดขึ้นภายหลังการปรากฎกายของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (อ.)
  • การสักร่างกายถือว่าเป็นฮะรอมหรือไม่?
    6197 สิทธิและกฎหมาย 2555/02/09
     คำตอบของอายาตุลลอฮ์มะฮ์ดีฮาดาวีเตหะรานี“หากไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายและไม่ถือว่าเป็นที่น่ารังเกียจอีกทั้งไม่ทำให้ภาพพจน์ของบุคคลดังกล่าวตกต่ำลงถือว่าไม่เป็นไรคำถามนี้ไม่มีคำตอบเชิงรายละเอียด ...
  • มีวิธีใดบ้างในการชำระบาป
    10433 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/21
    วิธีแสวงหาการอภัยโทษจากอัลลอฮ์มีหลายวิธีด้วยกันอาทิเช่น1.เตาบะฮ์หรือการกลับตนเป็นคนดี (ตามเงื่อนไขที่กำหนด)2. ประกอบกุศลกรรมที่ยิ่งใหญ่อันจะสามารถลบล้างความผิดบาปได้3. สงวนใจไม่ทำบาปใหญ่ (กะบีเราะฮ์) ซึ่งจะส่งผลให้ได้รับการผ่อนปรนบาปเล็ก4. อดทนต่ออุปสรรคยากเข็ญในโลกนี้รวมทั้งการชำระโทษในโลกแห่งบัรซัคและทนทรมานในการลงทัณฑ์ด่านแรกๆของปรโลก
  • สตรีสามารถที่จะติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นในโลกไซเบอร์โดยไม่ขออนุญาตจากสามีหรือไม่?
    5619 สิทธิและกฎหมาย 2555/02/05
    คำตอบของบรรดามัรยิอ์เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวมีดังนี้อายาตุลลอฮ์คอเมเนอี “หากไม่จำเป็นที่จะต้องครอบครองทรัพย์สินของสามีก็ถือว่าไม่จำเป็นที่จะต้องขออนุญาตแต่จะต้องคำนึงว่าการติดต่อสื่อสารกับผู้ที่ไม่ใช่มะฮ์รอมส่วนใหญ่จะทำให้เกิด... หรืออาจจะทำให้ตกในการกระทำบาปซึ่งไม่อนุญาต”อายาตุลลอฮ์ซิซตานี “การติดต่อสื่อสารกับผู้ที่ไม่ใช่มะฮ์รอมถือว่าไม่อนุญาต”อายาตุลลอฮ์ศอฟีกุลฟัยกานี “โดยรวมแล้วการติดต่อสื่อสารในลักษณะนี้แม้ว่าสามีอนุญาติก็ไม่ถือว่าสามารถจะกระทำได้”ฮาดาวีเตหะรานี “หากการติดต่อสื่อสารในโลกไซเบอร์อยู่ในขอบเขตที่อนุญาตและไม่เกรงที่จะเกิดบาปเป็นที่อนุญาตและไม่จำเป็นที่จะต้องขออนุญาติจากสามี” ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60255 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    57756 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42351 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    39569 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39030 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34119 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28128 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28099 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    27977 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    25958 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...