การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
7328
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/12/11
 
รหัสในเว็บไซต์ fa7258 รหัสสำเนา 19623
คำถามอย่างย่อ
เหตุใดจึงเรียกอิมามฮุเซนว่าษารุลลอฮ์?
คำถาม
เหตุใดจึงเรียกอิมามฮุเซนว่าษารุลลอฮ์?
คำตอบโดยสังเขป

ษารุลลอฮ์ให้ความหมายว่าการชำระหนี้เลือด แต่ก็สามารถแปลว่าเลือดได้เช่นกัน
ตามความหมายแรก อิมามฮุเซนได้รับฉายานามนี้เนื่องจากอัลลอฮ์จะเป็นผู้ทวงหนี้เลือดให้ท่าน
แต่หากษารุลลอฮ์แปลว่า"โลหิตพระเจ้า" การที่อิมามได้รับฉายานามดังกล่าวเป็นไปตามข้อชี้แจงต่อไปนี้:
1. "
ษ้าร"เชื่อมกับ"อัลลอฮ์"เพื่อให้ทราบว่าเป็นโลหิตอันสูงส่ง เนื่องจากเป็นการเชื่อมคำในเชิงยกย่อง
2. มนุษย์ที่บรรลุสู่ความสมบูรณ์ในระดับใกล้ชิดทางภาคบังคับ ต่างก็เป็นหัตถาพระเจ้า ชิวหาพระเจ้า และโลหิตพระเจ้า หมายถึงถ้าหากพระองค์ทรงประสงค์จะทำสิ่งใด มนุษย์ผู้นี้จะเป็นดั่งพระหัตถ์ หากทรงประสงค์จะตรัส เขาจะเป็นดั่งชิวหา และหากพระองค์ทรงประสงค์จะพิทักษ์ศาสนาของพระองค์ด้วยโลหิต เขาจะเป็นดั่งโลหิตพระองค์ อิมามฮุเซน(.)เป็นดั่งโลหิตพระองค์ เนื่องจากโลหิตของท่านช่วยชุบชีวิตแก่ศาสนาของพระองค์
เราเชื่อว่าความหมายแรกเป็นความหมายที่เหมาะสมกว่า แต่ความหมายที่สองก็เป็นคำธิบายที่น่าสนใจเช่นกัน โดยเฉพาะหากเป็นผู้ที่อยู่ในแวดวงจาริกทางจิตอาจทำให้เข้าใจได้ลึกซึ้งกว่า

คำตอบเชิงรายละเอียด

เกี่ยวกับประเด็นนี้ต้องเรียนว่า ฉายานามดังกล่าวมักใช้กับท่านอิมามอลี(.)และอิมามฮุเซน(.) ดังปรากฏในซิยารัตอิมามฮุเซน(.)ว่า السَّلَامُ عَلَیْکَ یَا ثَارَ اللَّهِ وَ ابْنَ ثَارِهِ [1](ศานติยังท่าน โอ้โลหิตแห่งพระองค์ บุตรของโลหิตแห่งพระองค์)

คำว่าษารุลลอฮ์แปลได้สองความหมายด้วยกัน:
1. 
แปลว่าการชำระหนี้เลือด:
คำว่า พจนานุกรมให้ความหมาย"อัษษะอร์" ว่า الطلب بالدم การชำระด้วยเลือด ตามความหมายนี้ ษารุลลอฮ์ จึงแปลว่าผู้ที่มีอัลลอฮ์เป็นผู้ทวงหนี้เลือด
สำนวนที่ใช้ทวงหนี้เลือดให้อิมามฮุเซนอย่างเช่น " یا لثارات الحسین" เคยเป็นคำขวัญของขบวนการเตาวาบีนและมุคต้ารมาก่อน[2]  อีกทั้งยังเป็นคำขวัญของมวลมะลาอิกะฮ์ที่สถิต  กุโบรอิมามฮุเซนจนถึงการปรากฏกายของอิมามมะฮ์ดี(.)[3] และจะเป็นคำขวัญของอิมามมะฮ์ดี(.)และสาวกผู้กล้าหาญ[4]ยามที่เริ่มการต่อสู้[5]ด้วย

ความหมายนี้เป็นที่ยอมรับกันในหมู่นักวิชาการอิสลาม[6] ซึ่งอธิบายได้ว่า ษารุลลอฮ์ หมายถึงบุคคลที่พระองค์เป็นผู้ถือสิทธิเหนือโลหิตของเขา และจะทรงทวงคืนสิทธิของพระองค์จากผู้ทหลั่งเลือดเขา ทั้งนี้ก็เนื่องจากเขาดังกล่าวมิได้เกี่ยวดองกับครอบครัวหรือเผ่าพันธ์ใดๆเป็นพิเศษ ที่จะรอให้หัวหน้าครอบครัวหรือหัวหน้าเผ่าทวงหนี้เลือดให้  แต่บุคคลดังกล่าวมีความสำคัญต่อมนุษยธรรมและชาวโลก สำคัญต่อโลกและพระผู้สร้าง ฉะนั้น ผู้ที่จะทวงหนี้เลือดเขาก็คือพระเจ้าเท่านั้น นอกจากนี้ บุคคลผู้นี้ยังเป็นบุตรของอลี บิน อบีฏอลิบ ซึ่งเคยพลีชีพแด่พระองค์ อัลลอฮ์จึงจะทรงทวงหนี้เลือดของบุคคลทั้งสองอย่างแน่นอน
2.
แปลว่า โลหิตแห่งอัลลอฮ์:
จากคำกล่าวของอัลลามะฮ์ มัจลิซี เข้าใจได้ว่า ษะอร์ แปลว่าเลือดและการทวงหนี้เลือด[7] สิ่งที่ยืนยันความหมายดังกล่าวก็คือการแปลคำว่า ษะอร์ โดยหนังสือ "ลิซานุ้ลอรับ" ซึ่งระบุว่า الثَّأْرُ الطَّلَبُ بالدَّمِ، و قیل: الدم نفسه ษะอร์ หมายถึงการทวงหนี้เลือด และสามารถแปลได้ว่า เลือด[8] เมื่อรวมแล้วจึงหมายความว่า อิมามฮุเซน(.)เป็นโลหิตของพระองค์
แต่ถามว่าจะยอมรับความหมายดังกล่าวได้อย่างไร? พระองค์มีเนื้อหนังมังสาหรืออย่างไร ที่จะมีเลือด การมโนภาพอัลลอฮ์เช่นนี้ถูกต้องแล้วหรือ?

ต้องเรียนชี้แจงว่า คำบางประเภทอย่างเช่น หัตถาของอัลลอฮ์ ...ฯลฯ ในคติของอิสลามแล้ว มีความหมายเชิงอุปมาอุปไมยทั้งสิ้น[9] ตัวอย่างเช่น หากเรียกอิมามอลี(.)ว่าเป็นหัตถาของอัลลอฮ์ ก็ไม่ได้หมายความว่าพระองค์มีเนื้อหนังมังสา มีมือมีแขน โดยอิมามอลีเป็นมือของพระองค์ แต่หมายความว่าท่านอิมามอลี(.)คือภาพลักษณ์ของพลานุภาพของอัลลอฮ์ คำชี้แจงต่อไปนี้ทำให้สามารถเชื่อมโยงความหมายดังกล่าวของษารุลลอฮ์เข้ากับอิมามฮุเซน(.)ได้:
1. 
การเชื่อมคำว่า ษ้าร เข้ากับคำว่าอัลลอฮ์ เป็นการเชื่อมคำในเชิงยกย่อง กล่าวคือโลหิตนี้เกี่ยวเนื่องกับอัลลอฮ์ผู้ทรงประเสริฐสุด ทำให้ได้รับเกียรติในฐานะโลหิตที่ศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากถูกหลั่งในหนทางของพระองค์จึงทำให้มีความเกี่ยวเนื่องกับพระองค์ ดังที่คำว่า
 
هذِهِ ناقَةُ اللَّه [10]ซึ่งเชื่อมระหว่างอูฐกับอัลลอฮ์ หรือคำว่า بیت الله หรือ  عِْندَ بَیْتِکَ الْمُحَرَّم [11] อันเป็นการเชื่อมบ้านกับอัลลอฮ์นั้น ก็ล้วนเป็นการเชื่อมคำในเชิงยกย่องทั้งสิ้น[12]
2.
มนุษย์ที่บรรลุสู่ความสมบูรณ์ในระดับใกล้ชิดทางภาคบังคับ[13] ต่างก็เป็นหัตถาพระเจ้า ชิวหาพระเจ้า และโลหิตพระเจ้า หมายถึงถ้าหากพระองค์ทรงประสงค์จะทำสิ่งใด มนุษย์ผู้นี้จะเป็นดั่งพระหัตถ์ หากทรงประสงค์จะตรัส เขาจะเป็นดั่งชิวหา และหากพระองค์ทรงประสงค์จะพิทักษ์ศาสนาของพระองค์ด้วยโลหิต เขาจะเป็นดั่งโลหิตพระองค์ อิมามอลีและอิมามฮุเซน(.)เป็นดั่งโลหิตพระองค์ เนื่องจากโลหิตของท่านช่วยชุบชีวิตแก่ศาสนาของพระองค์

อย่างไรก็ดี ในตำรับตำราทางศาสนาของเรา สำนวน "ษารุลลอฮ์" มักจะใช้กับอิมามฮุเซนเป็นหลัก เราเชื่อว่าความหมายแรกเป็นความหมายที่เหมาะสมกว่า แต่ความหมายที่สองก็เป็นคำธิบายที่น่าสนใจเช่นกัน โดยเฉพาะหากเป็นผู้ที่อยู่ในแวดวงจาริกทางจิตอาจจะทำให้เข้าใจได้ลึกซึ้งกว่า
จากมุมมองนี้ อิมามฮุเซน(.)เปรียบดั่งโลหิตแห่งพระเจ้า เนื่องจากเลือดของท่านช่วยสูบฉีดให้ศาสนามีชีวิตชีวา ช่วยให้ผู้คนรำลึกถึงอัลลอฮ์ ในยุคที่นามของพระองค์เริ่มเลือนหายไปจากสังคม ในยุคที่ผู้คนทำอิบาดัตเพียงเพราะความเคยชิน

ด้วยเหตุนี้เองที่กล่าวกันว่า อิสลามจุติขึ้นโดยนบี และคงอยู่ต่อไปด้วยอิมามฮุเซน ตราบใดที่มนุษย์ต้องมีเลือดเพื่อมีชีวิตต่อไป และตราบใดที่ชีพจรยังถือเป็นสัญญาณชีวิตมนุษย์ การขาดเลือดย่อมเท่ากับความตาย เช่นเดียวกัน อิสลามก็จำเป็นต้องดำรงอยู่ด้วยการไหลเวียนของโลหิต และหากวันใดโลหิตนี้หมดลง ความหายนะย่อมมาเยือนอิสลาม จะเหลือก็เพียงแค่โครงสร้างศาสนกิจอันปราศจากจิตวิญญาณอิสลาม[14]



[1] กุลัยนี, มุฮัมมัด บิน ยะอ์กู้บ, อัลกาฟี,เล่ม 4,หน้า 576 ประโยคนี้ปรากฏในบทซิยารัตวันแรกของเราะญับ, กลางเดือนเราะญับและชะอ์บาน และวันอะเราะฟะฮ์

[2] มัจลิซี, มุฮัมมัด บากิร, บิฮารุลอันว้าร, เล่ม 45,หน้า 333 และ กะเราะมี,อลี, อาลัยจอมทัพแห่งเสรีภาพ- ประวัติศาสตร์ที่ชัดเจนที่สุดของกัรบะลา,หน้า 485

[3] มีมะลาอิกะฮ์สี่พันองค์ลงมาเพื่อช่วยเหลืออิมามฮุเซน(.) แต่ได้เห็นว่าท่านถูกสังหารแล้ว จึงยังไว้อาลัยอยู่  กุโบรของท่านและอยู่รอจนถึงวันที่อิมามมะฮ์ดี(.)จะปรากฏกายเพื่อช่วยเหลือ คำขวัญของมะลาอิกะฮ์เหล่านี้คือ "ยาละษารอติ้ลฮุเซน" เชคศ่อดู้ก, อัลอะมาลี,หน้า 130 หมวดมัจลิสที่ยี่สิบเจ็ด และ มัจลิซี,มุฮัมมัดบากิร, บิฮารุลอันว้าร,เล่ม 44,หน้า 286

[4] บิฮารุลอันว้าร,เล่ม 52,หน้า 308

[5] กุมี,เชคอับบาส, มุนตะฮัลอาม้าล,เล่ม 1,หน้า 542 นอกจากนี้ อิมามบากิร(.)ยังเคยกล่าวว่า " وَ الْقَائِمُ مِنَّا إِذَا قَامَ طَلَبَ بِثَأْرِ الْحُسَیْنِ (ع‏)" บิฮารุลอันว้าร,เล่ม 44,หน้า 218

[6] ผู้ประพันธ์ตัฟซี้รเนมูเนะฮ์กล่าวว่า ษ้าร ในภาษาอรับมิได้แปลว่าเลือด แต่แปลว่า "หนี้เลือด" (ส่วนเลือดมักจะใช้คำว่า ดัม แทน) และ มะการิม ชีรอซี,นาศิร,ตัฟซี้รเนมูเนะฮ์,เล่ม 4,หน้า 229

[7] ท่านได้อธิบายประโยคที่ว่า و أنک ثار الله فی الأرض ว่า الثأر بالهمز، الدم و طلب الدم أی أنک أهل ثار الله و الذی یطلب الله بدمه من أعدائه أو هو الطالب بدمه و دماء أهل بیته بأمر الله فی الرجعة บิฮารุลอันว้าร,เล่ม 98,หน้า 151

[8] อิบนิ มันซู้ร, มุฮัมมัด บิน มุกัรร็อม,ลิซานุ้ลอรับ,เล่ม 4,หน้า 97

[9] ดู: มะการิม ชีรอซี,นาศิร,ตัฟซี้รเนมูเนะฮ์,เล่ม4,หน้า 229และ กะรออะตี,มุฮ์ซิน,ตัฟซี้ร นู้ร,เล่ม 2,หน้า 443

[10] ฮู้ด, 64

[11] อิบรอฮีม, 37

[12] «هذِهِ ناقَةُ اللَّهِ» الإضافة إلى الله تشریفیة، کإضافة مکة إلى الله یقال: «بیت الله»، و إضافة دم الحسین (ع) إلى الله، یقال: «ثار الله» ดู: ฮุซัยนี ชีรอซี,ซัยยิด มุฮัมมัด, ตักรีบุ้ลกุรอาน อิลัล อัซฮาน, เล่ม 2,หน้า 200

[13] ปัจจัยที่ช่วยให้มนุษย์ชิดใกล้พระองค์มากขึ้นนั้น ประกอบด้วย ภาคอาสา หมายถึงศาสนกิจที่พระองค์มิได้บังคับ แต่มนุษย์อาสาปฏิบัติเพื่อแสวงหาความใกล้ชิดพระองค์ แลภาคบังคับ หมายถึงศาสนกิจที่พระองค์กำชับให้กระทำ ซึ่งมนุษย์ได้รับความใกล้ชิดจากการปฏิบัติตามคำบัญชา

[14] อ่านเพิ่มเติม ดู: ทัรคอน,กอซิม,บุคลิกภาพและการต่อสู้ของอิมามฮุเซน(.)จากปริทรรศน์อิรฟาน ปรัชญา และเทววิทยา,หน้า 91- 104 แหล่งอ้างอิงทั้งหมดอ้างอิงจากโปรแกรมคอมฯนู้ร

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • ความต่างกิจกรรมของวิญญาณขณะนอนหลับ และสลบคืออะไร?
    16383 ปรัชญาอิสลาม 2555/09/29
    รูปแบบการปฏิสัมพันธ์ระหว่างร่างกายกับจิตวิญญาณขณะตื่นนอน กับการปฏิสัมพันธ์ขณะนอนหลับนั้นมีความแตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้ ตามคำสอนของอิสลามจึงได้เรียกการนอนหลับว่า เป็นพี่น้องของความตาย วิทยาศาสตร์แม้ว่าจะไม่มีข้อมูลการปฏิสัมพันธ์ระหว่างจิตวิญญาณกับร่างกายขณะนอนหลับ แต่สามารถค้นพบการเปลี่ยนแปลงและปฏิกิริยาบางอย่างทางร่างกายขณะนอนหลับได้ บนพื้นฐานของการค้นคว้านั้นและการทำสอบพบว่ามนุษย์มีการนอนหลับในสองระดับ ด้วยนามว่า REM และ Non REM ซึ่งทั้งสองมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยปกติแล้วการความฝันที่มักเกิดในระดับของ Non REM เกิดจากการหลับลึกซึ่งจะไม่อยู่ในความทรงจำ แต่เฉพาะการนอนหลับในระ REM เท่านั้นที่จะคงอยู่ในความทรงจำ ส่วนการสลบหมดสติเกิดจากการเบี่ยงเบนของวิญญาณ และเป็นการหลับที่ลุ่มลึกมาก ทำให้เขาไม่มีความทรงจำอันใดหลงเหลืออยู่ ...
  • ตักวาหมายถึงอะไร?
    17805 จริยธรรมทฤษฎี 2555/01/23
    ตักว่าคือพลังหนึ่งที่หยุดยั้งจิตด้านในซึ่งการมีอยู่ของมนุษย์คือสาเหตุของการมีพลังนั้นและพลังดังกล่าวจะพิทักษ์ปกป้องมนุษย์ให้รอดพ้นจากการกระทำความผิดฝ่าฝืนต่างๆความสมบูรณ์ของตักวานอกจากจะช่วยทำให้มนุษย์ห่างไกลจากความผิดบาปและการก่ออาชญากรรมต่างๆ
  • เหตุใดจึงเรียกอิมามฮุเซนว่าษารุลลอฮ์?
    7333 จริยธรรมทฤษฎี 2554/12/11
    ษารุลลอฮ์ให้ความหมายว่าการชำระหนี้เลือดแต่ก็สามารถแปลว่าเลือดได้เช่นกันตามความหมายแรกอิมามฮุเซนได้รับฉายานามนี้เนื่องจากอัลลอฮ์จะเป็นผู้ทวงหนี้เลือดให้ท่านแต่หากษารุลลอฮ์แปลว่า"โลหิตพระเจ้า" การที่อิมามได้รับฉายานามดังกล่าวเป็นไปตามข้อชี้แจงต่อไปนี้:1. "ษ้าร"เชื่อมกับ"อัลลอฮ์"เพื่อให้ทราบว่าเป็นโลหิตอันสูงส่งเนื่องจากเป็นการเชื่อมคำในเชิงยกย่อง2.มนุษย์ที่บรรลุสู่ความสมบูรณ์ในระดับใกล้ชิดทางภาคบังคับต่างก็เป็นหัตถาพระเจ้าชิวหาพระเจ้าและโลหิตพระเจ้าหมายถึงถ้าหากพระองค์ทรงประสงค์จะทำสิ่งใดมนุษย์ผู้นี้จะเป็นดั่งพระหัตถ์หากทรงประสงค์จะตรัสเขาจะเป็นดั่งชิวหาและหากพระองค์ทรงประสงค์จะพิทักษ์ศาสนาของพระองค์ด้วยโลหิตเขาจะเป็นดั่งโลหิตพระองค์อิมามฮุเซน(อ.)เป็นดั่งโลหิตพระองค์เนื่องจากโลหิตของท่านช่วยชุบชีวิตแก่ศาสนาของพระองค์เราเชื่อว่าความหมายแรกเป็นความหมายที่เหมาะสมกว่าแต่ความหมายที่สองก็เป็นคำธิบายที่น่าสนใจเช่นกันโดยเฉพาะหากเป็นผู้ที่อยู่ในแวดวงจาริกทางจิตอาจทำให้เข้าใจได้ลึกซึ้งกว่า ...
  • อัลลอฮฺคือสาเหตุที่แท้จริงของการอธรรม และผู้อธรรมหรือ?
    11254 เทววิทยาดั้งเดิม 2555/09/29
    สำหรับคำตอบคำถามเหล่านี้ จำเป็นต้องพิจารณาประเด็นสำคัญเหล่านี้ก่อน 1.รากที่มาของการอธรรมของผู้อธรรมทั้งหลาย สามารถสรุปได้ใน 4 ประเด็นดังนี้คือ 1.ความโง่เขลา 2. การเลือกสรร 3. ความประพฤติอันเลวทราม 4. ความอ่อนแอไร้สามารถ, แต่อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ไม่ความอธรรมใดๆ ในพระองค์ ด้วยเหตุนี้ สำหรับพระองค์แล้วคือ ผู้ยุติธรรม ซึ่งเป็นหน่วยเนื้อเดียวกันกับความยุติธรรม และเนื่องจากพระองค์ทรงรอบรู้ และทรงยุติธรรม ภารกิจของพระองค์จึงวางอยู่บนความยุติธรรม และวิทยปัญญาเท่านั้น 2.อัลลอฮฺ ทรงสร้างมนุษย์มาในลักษณะเดียวกัน และได้ประทานแนวทางแห่งการชี้นำทางแก่พวกเขา และทั้งหมดมีสิทธิที่จะเลือกสรรด้วยตนเอง ซึ่งมีบางกลุ่มด้วยเหตุผลนานัปการ หรือมีปัจจัยหลายอย่างเป็นแรงจูงใจให้พวกเขาเลือกหนทางหลงผิด และการอธรรม บางกลุ่มพยายามต่อสู้ชนิดขุดรากถอนโคนการอธรรม ที่แฝงเร้นอยู่ในใจของตนเอง พวกเขามุ่งไปสู่หนทางแห่งการชี้นำ และความยุติธรรม พยามประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่ดี ไม่ว่าอย่างไรก็ตามรากที่มาของคำถามเหล่านี้ ล้วนมาจากความคิดที่ว่ามนุษย์ได้รับการบีบบังคับให้เป็นเช่นนั้น หรือที่เรียกว่าพรหมลิขิต ทั้งที่เหตุผลของพรหมลิขิตมิเป็นที่ยอมรับแต่อย่างใด เราเชื่อตามคำสอนของศาสนา ...
  • ท่านอับบาสอ่านกลอนปลุกใจว่าอย่างไรขณะกำลังนำน้ำมา
    8982 ชีวประวัตินักปราชญ์ 2554/12/25
    คำถามนี้ไม่มีคำตอบแบบสั้น ปรดเลือกปุ่มคำตอบที่สมบูรณ์ ...
  • ข้อแตกต่างระหว่างมะอ์นะวียัตในอิสลามและคริสตศาสนา
    6859 เทววิทยาใหม่ 2554/10/24
    คุณค่าของมะอ์นะวียัตของแต่ละศาสนาขึ้นอยู่กับคุณค่าของศาสนานั้นๆคำสอนของคริสตศาสนาบางประการขัดต่อสติปัญญาโดยที่ชาวคริสเตียนเองก็ยอมรับเช่นนั้นมะอ์นะวียัตที่ได้จากคำสอนเช่นนี้ก็ย่อมมีข้อผิดพลาดเป็นธรรมดาและนี่คือข้อแตกต่างหลักระหว่างมะอ์นะวียัตของอิสลามและคริสตศาสนากล่าวคือโดยพื้นฐานแล้วมะอ์นะวียัตของคริสต์ไม่อาจเป็นที่ยอมรับได้เมื่อพิจารณาถึงแหล่งเนื้อหาที่มีบางจุดขัดต่อสติปัญญาทำให้ไม่สามารถจะนำพาสู่ความผาสุกได้อย่างไรก็ดีสภาพมะอ์นะวียัตของตะวันตกในปัจจุบันย่ำแย่ไปกว่ามะอ์นะวียัตดั้งเดิมของคริสตศาสนาเสียอีกในขณะที่มะอ์นะวียัตของอิสลามนั้นได้รับอิทธิพลจากคำสอนจากวิวรณ์
  • ผู้มีญุนุบที่ได้ทำตะยัมมุมแทนการอาบน้ำยกหะดัสใหญ่ สามารถเข้ามัสยิดได้หรือไม่?
    6954 สิทธิและกฎหมาย 2554/08/08
    ผู้ที่มีญุนุบที่อยู่ในเงื่อนไขที่สามารถทำตะญัมมุมแทนการอาบน้ำยกหะดัสใหญ่นั้นหลังจากที่ได้ทำการตะยัมมุมแทนการอาบน้ำยกหะดัสใหญ่แล้วก็สามารถเข้าไปในมัสยิดเพื่อร่วมทำนมาซญะมาอัตหรือฟังบรรยายธรรมได้ท่านอิมามโคมัยนีได้ให้คำตอบเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า: “ผลพวงทางด้านชาริอะฮ์ที่เกิดขึ้นจากการอาบน้ำยกหะดัสใหญ่จะมีในกรณีการทำการตะยัมมุมทดแทนเช่นกันนอกจากกรณีการตะยัมมุมทดแทนด้วยเหตุผลที่จะหมดเวลานมาซมัรญะอ์ท่านอื่นๆก็มีทัศนะนี้เช่นเดียวกัน
  • ความสำคัญ และปรัชญาของการจัดพิธีกรรมรำลึกถึงท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) คืออะไร?
    7696 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/12/20
    สำหรับการติดตามผลอย่างมีนัยของการให้ความสำคัญและปรัชญาของการจัดพิธีกรรมรำลึกถึงท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) จำเป็นต้องพิจารณาประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้:1. ...
  • กาสาบานต่อท่านศาสดาและอิมามในเดือนรอมฎอนคือ สาเหตุทำให้ศีลอดเสียหรือ?
    7299 สิทธิและกฎหมาย 2555/07/16
    การสาบาน มิใช่หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ศีลอดเสีย แต่ถ้าได้สาบานโดยพาดพิงสิ่งโกหกไปยังอัลลอฮฺ (ซบ.) ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) และตัวแทนของท่านโดยตั้งใจ ซึ่งสาเหตุนี้เองที่กล่าวว่า เป็นการโกหกที่พาดพิงไปยังอัลลอฮฺ ศาสดา (ซ็อลฯ) และตัวแทนของท่าน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ศีลอดเสีย ส่วนคำสาบานต่างๆ ที่อยู่ในบทดุอาอฺไม่ถือว่าโกหก ทว่าเป็นการเน้นย้ำและอ้อนวอนให้ตอบรับดุอาอฺที่ขอต่ออัลลอฮฺ ซึ่งไม่ได้เป็นสาเหตุทำให้ศีลอดเสียแต่อย่างใด ...
  • ปรัชญาของการมีทาสในอิสลามคืออะไร? อิสลามมีวิธีการจัดการกับสิ่งเหล่าอย่างไร?
    12116 สิทธิและกฎหมาย 2555/08/22
    ถูกต้องบทบัญญัติเกี่ยวกับ การแต่งงานกับทาส, การเป็นมะฮฺรัมกับทาส, สัญญาซื้อขาย (ข้อตกลงที่จะปล่อยทาสเป็นไท) และ ...ได้ถูกกล่าวไว้ในอัลกุรอาน, การมีทาสได้รับการยืนยันว่ามีจริงในสมัยของท่านเราะซูล (ซ็อลฯ) และต้นยุคอิสลาม แต่จำเป็นต้องกล่าวว่าอิสลามมีโปรแกรมที่ละเอียดอ่อน และมีกำหนดเวลาในการปลดปล่อยทาสให้เป็นไท ซึ่งบั้นปลายสุดท้ายของทั้งหมดเหล่านั้นคือ การได้รับอิสรภาพเป็นไททั้งสิ้น ดังนั้นการเผชิญหน้าของอิสลามกับปัญหาเหล่านี้ จำเป็นต้องกล่าวถึงประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้: 1-อิสลามมิเคยเริ่มต้นปัญหาเรื่องทาส 2-อิสลามถือว่าปัญหาชะตากรรม และความเจ็บปวดใจของทาสในอดีตที่ผ่านมาคือ ปัญหาความล้าหลังอันยิ่งใหญ่ของสังคม 3-อิสลามได้วางโครงการที่ละเอียดอ่อน เพื่อปลดปล่อยทาสให้เป็นไท, เนื่องจากครึ่งหนึ่งของพลเมืองในสมัยก่อนเป็นทาสทั้งสิ้น, พวกเขาไม่มีอิสรเสรีในการประกอบอาชีพการงาน, ไม่มีปัจจัยสำหรับการดำเนินชีวิตต่อไป.ถ้าหากอิสลามได้มีคำสั่งต่อสาธารณชนว่าให้ทั้งหมดปล่อยทาสให้เป็นไท, ซึ่งเป็นไปได้ว่าส่วนใหญ่ของพวกเขาจะต้องสูญเสียชีวิต หรือไม่ชนส่วนใหญ่ก็จะต้องว่างงานไร้อาชีพ หิวโหย ถูกกีดกัน และพวกเขาต้องได้รับแรงกดดันจนกระทั่งเข้าทำร้ายและโจมตีในทุกที่ การประจัญบาน การนองเลือด และการทำลายกฎระเบียบของสังคมก็จะทวีความรุนแรงขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง อิสลามได้วางแผนการไว้อย่างละเอียด เพื่อดึงดูดสังคมให้ทาสเหล่านี้ได้รับอิสรภาพ และเป็นไทไปที่ละน้อย ซึ่งแผนการดังกล่าวมีองค์ประกอบหลายประการด้วยกัน ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60136 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    57576 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42222 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    39377 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    38954 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34008 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28026 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    27971 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    27808 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    25805 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...